รีวิว Castaway Diva – เมื่อคลื่นลมพัดพาความเศร้ามา จงมองหา “Icebox” ที่เป็นของเธอ

You are currently viewing รีวิว Castaway Diva – เมื่อคลื่นลมพัดพาความเศร้ามา จงมองหา “Icebox” ที่เป็นของเธอ

รีวิว Castaway Diva – หากกวาดสายตาสำรวจไปในลิสต์ซีรีส์เกาหลีที่ออนแอร์วันเสาร์ – อาทิตย์ ช่วงสองถึงสามเดือนที่ผ่านมา หลายเรื่องให้ความรู้สึกว่าไม่ต้องรีบ เดี๋ยวกลับมาดูได้ หรือรอจบแล้วค่อยตามทีเดียวก็ได้ แต่ในรายชื่อของซีรีส์เหล่านั้น Castaway Diva คือซีรีส์ที่ทำให้เรารู้สึกว่าการใช้เวลาในคืนวันหยุดเพื่อรอดูเด็กสา่วอย่าง “ซอมกฮา” ไล่ตามหาความฝันของตัวเอง คือการพักผ่อนจิตใจในวันหยุดอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นของซีรีส์จะเต็มไปด้วยความรุนแรงในครอบครัว แต่ความรุนแรงนั้น ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตของเหล่าตัวละครในเรื่อง ยิ่งได้นักแสดงนำอย่าง “พัคอึนบิน” มารับทเป็นตัวละครหลัก หลังจากที่เราตกหลุ่มรักเธอมาจากคาแรคเตอร์ทนายอัจฉริยะ “อูยองอู” คำถามตัวใหญ่ ๆ ที่ตามมา คือ เธอจะสามารถทำให้เราเชื่อได้หรือไม่ ว่าตัวละครที่กำลังร้องเพลงอย่างมีความสุข ใส่หูฟังครอบแบบเดียวกันกับ อูยองอู อยู่บนหน้าจอ คือ “ซอมกฮา” ซึ่งคำตอบที่ผู้ชมมอบให้กับการแสดงของ พัคอึนบิน ก็คือ เรตติ้งรับชมตอนจบทั่วประเทศที่สูงถึง 9.002% โดยถือเป็นสถิติสูงสุดของซีรีส์เรื่องนี้นับตั้งแต่เริ่มออนแอร์

แกนหลักของ Castaway Diva พูดถึงชีวิตแสนธรรมดาของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่ใช้เวลาช่วงวัยมัธยมเหมือนกับเด็กผู้หญิงทั่วไป ชื่อของเธอ คือ “ซอมกฮา” แน่นอนว่าสำหรับคนทั่วไปที่มองเข้ามา ซอมกฮา เป็นเด็กร่าเริง มีแววความเป็นผู้นำ ในโรงเรียนมีเพื่อนมากมายที่รักเธอ แต่ใครจะรู้ว่า ในโลกแห่งความเป็นจริง ซอมกฮา ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อขี้เมา ที่ไม่พอใจเมื่อไหร่ก็พร้อมจะลงมือทุบตีเธอเสมอ เหมือนกับเธอเป็นสิ่งของไว้ระบายความโมโหที่อยู่ภายใน ไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย ถึงเธอจะเอาเรื่องความรุนแรงในครอบครัวไปเล่าให้ตำรวจฟังก็ตาม พวกตำรวจก็ทำได้แค่มาเยี่ยมบ้าน ตักเตือนพ่อของเธอพอเป็นพิธี เสร็จแล้วก็บังคับให้เธอกอดขอโทษพ่อเพื่อสร้างภาพการคืนดีที่แสนจะจอมปลอมขึ้นมา แต่ดูเหมือนโลกใบนี้จะไม่ได้ใจร้ายกับเธอนัก เพราะอย่างน้อยในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ เธอยังคงมี “จางกีโฮ” หนุ่มเนิร์ดใส่แว่น หน้าตาไม่สนโลก ที่ดูเหมือนจะเข้าใจความรู้สึกของเธอ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะซีรีส์ฉายภาพให้เราเห็นชีวิตของ กีโฮ เหมือนกับที่ให้เราเห็นชีวิตของ มกฮา ทั้งเขาและเธอต่างก็มีพ่อที่ “ใจร้าย” ไม่ต่างกัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการวางแผนหลบหนี ที่จะเปลี่ยนชีวิตของทั้งคู่ไปตลอดกาล

15 ปี บนเกาะร้าง คือช่วงเวลาที่ ซอมกฮา ถูกคลื่นทะเลพัดพาชีวิตไป แต่ก่อนที่เวลาจะผ่านเลยไปถึงปีที่ 16 ชายหนุ่มสองคนที่ชื่อ “คังอูฮัก” (รับบทโดย ชาฮักยอน) และ “คังโบกอล” (รับบทโดย แชจงฮยอบ) ก็ได้พบกับเธอโดยบังเอิญบนเกาะนั้น นี่คือการพบกันที่ทำให้ชีวิตของ มกฮา เริ่มต้นใหม่อีกครั้งบนดาดฟ้าบ้านของ อูฮัก กับ โบกอล ผู้ชายสองคนในชีวิตของ มกฮา ที่ซีรีส์ทิ้งคำใบ้เอาไว้ว่า หนึ่งในสองคนนี้ คือ “จางกีโฮ” นี่คือจุดที่เส้นเรื่องของ Castaway Diva ได้ถูกแบ่งออกเป็นสองเส้นเรื่อง เส้นเรื่องแรก คือ การตามหาความฝันของ มกฮา ร่วมกัน ยุนรันจู หลังจากที่เธอได้กลายเป็นเงาเสียงของไอดอลตัวเองในยุคตกต่ำ ทำให้เส้นทางศิลปินของ รันจู กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ในขณะที่เส้นเรื่องที่สอง คือ การตามหาตัว จางกีโฮ ของมกฮา กับ พ่อของ กีโฮ ที่ถูกคนในครอบครัวทิ้งไป

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ เวลามีเหตุการณ์สำคัญให้ตัวละครต้องตัดสินใจ หรือเจอเรื่องท้าทายที่หาทางออกไม่ได้ ซีรีส์มักจะมีฉาก Flash Back พาเราย้อนกลับไปยังชีวิตบนเกาะร้างของ ซอมกฮา เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “กระติกน้ำแข็ง” ที่ลอยมาในทะเลตอนเธอคิดจะฆ่าตัวตาย กระติกน้ำแข็งที่ข้างในมีซองรามยอนหมดอายุอยู่หนึ่งซองไว้ให้ มกฮา ได้ต้มกิน เรื่องหมูป่าในความฝันที่มักจะไล่ชนเธอเสมอ เรื่องพายุไต้ฝุ่นที่ไม่ว่าเธอจะอ้อนวอนไม่ให้มันเข้ามาที่เกาะแค่ไหน มันก็วิ่งเข้ามาหาเกาะของเธออยู่ดี หรือแม้แต่เรื่อง “เพื่อนนกนางนวล” ที่มกฮา ต้องแอบขโมยไข่มากิน ในช่วงเวลาที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ทั้งหมดนี้ คือ บทเรียนของ Castaway Diva ที่มอบให้กับผู้ชมในแต่ละตอน ผ่านความกล้าหาญของศิลปินที่ชื่อ “ซอมกฮา” และเรื่องราวของตัวละครที่คอยซัพพอร์ตความฝันของเธอ

“ถ้าทำไปทำมาแล้วเธอรู้สึกว่าเจอทางตัน และรู้สึกเหนื่อยมากจนจะขาดใจละก็ มาที่ดาดฟ้านะ ที่นั่นจะว่างรอเธออยู่”

ทำไมฉาก “ดาดฟ้า” ของบ้านกีโฮ ถึงอยู่ในทุกเหตุการณ์สำคัญของซีรีส์เรื่องนี้?

ย้อนกลับไปในช่วงเริ่มต้นของซีรีส์ จำได้หรือไม่ว่า สองพี่น้องคุยกันเรื่องใครควรจะย้ายขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้า แต่ยังไม่ทันจะได้คุยกันให้ลงตัว อูฮัค ก็แอบพา มกฮา มาอาศัยอยู่บนนี้แล้ว ซึ่งหากมองผ่าน ๆ การเลือกดาดฟ้าอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่เมื่อดูไปเรื่อย ๆ และมองให้ลึกขึ้น ชีวิตบนเกาะของมกฮา ที่เงยหน้าขึ้นไปก็เจอแต่แสงอาทิตย์บนฟ้า สถานที่นี้น่าจะใกล้เคียงที่สุดแล้วกับคำว่า “บ้าน” ที่มกฮาคุ้นเคยมาตลอด 15 ปี “ดาดฟ้า” ที่มีคนอย่าง กีโฮ รอฟังเรื่องราวการผจญภัยของเธออยู่ “ดาดฟ้า” ที่เธอกับยุนรันจู ใช้ชีวิตในฐานะศิลปิน และผู้จัดการร่วมกัน

ถึงจะน่าเสียดายอยู่บ้าง ที่ฉากบอกเล่าความสำเร็จของ “มกฮา” ถูกทำออกมาแบบรวบรัดในช่วงท้าย แต่ฉากการแลกเพลงระหว่าง มกฮา กับ อึนโมแร (รับบทโดย แบคังฮี) คือ เครื่องพิสูจน์ว่า เพลงที่ดี ไม่ใช่ความสำเร็จทั้งหมดที่ทำให้ผลงานของศิลปินออกมาดี แต่เป็น เพลงที่ใช่ ต่างหาก ถึงจะสามารถทำให้ศิลปินถ่ายทอดความเป็นตัวเองผ่านเสียงเพลงออกไป ไม่ต่างอะไรกับจังหวะชีวิตของครอบครัว กีโฮ ที่ได้มาพบเจอกับ “คุณพ่ออี” ของทุกคน ผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่ยอมลาออกจากชีวิตราชการเพื่อปกป้องผู้หญิงหนึ่งคน กับลูกชายของเธอ เหมือนกับที่ มกฮา พูดกับคุณพ่อของกีโฮ ตอนที่นอนไม่ได้สติอยู่ในโรงพยาบาลว่า “สำหรับกีโฮ คำว่า คุณพ่อ คือ ฝันร้าย แต่คุณพ่อ สอนความหมายที่แท้จริงของคำนั้นให้กีโฮ” จากเดิมที่ภาพถ่ายของครอบครัวมีแค่พ่อแม่ลูกสี่คน มกฮา เด็กสาวผู้รอดชีวิตจากเกาะร้าง และได้ทำตามความฝันเป็นนักร้องระดับประเทศ ก็ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในเฟรมจนภาพของครอบครัวที่มีกันห้าคนกลายเป็นภาพความสุขที่สุดของชีวิต “ซอมกฮา” หญิงสาวผู้เชื่อมั่นว่า ต่อให้คลื่นลมจะพัดพาเธอไปอยู่ที่ไหน “กีโฮ” คือ Icebox ที่เธอรอคอยเสมอ

รับชม Castaway Diva แบบซับไทย 12 ตอนจบ ได้ที่ Netflix เท่านั้น

Leave a Reply