คุณรู้หรือไม่ว่าเธอไปออดิชั่นเป็น 100 ครั้งก่อนได้เดบิวต์?
ดูเหมือนว่าช่วงนี้ซูยอง (Soo Young) จะไปปรากฎตัวอยู่ทุกที่เลย และทำให้โลกรู้สึกประหลาดใจกับทักษะการแสดงที่น่าประทับใจของเธอ
เร็วๆ นี้ เราได้เห็นเธอในซีรีส์เรื่อง If You Wish Upon Me ที่เธอแสดงร่วมกับจีชางอุค (Ji Chang Wook) และซองดงอิล (Sung Dong Il) เธอทำให้ตัวละครซอยอนจูมีชีวิตขึ้นมา ในบทบาทของพยาบาลที่บ้านพักรับรอง ซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและเปี่ยมไปด้วยความหวัง บางทีนั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่คุณจะคาดหวังจากคนที่ทำงานในสถานที่ที่ตอบสนองต่อความปรารถนาสุดท้ายของผู้ที่กำลังใกล้จะจากไป ตัวละครของซูยองหมกมุ่นอยู่กับความแข็งแรงและความกระฉับกระเฉง ดังนั้นเราจึงแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นภาพยอนจูในหลาย ๆ มิติของเธอ
เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับแฟนๆ เคป๊อป แม้ว่าซูยองจะรับบทบาทเป็นตัวละครใหม่ๆ ในละครหลายเรื่อง แต่ซูยองเองก็ยังคงมีบทบาทอย่างมากในวงการเคป๊อป เพราะวง Girls’ Generation เพิ่งคัมแบ็คด้วยเพลงใหม่แบบเต็มวง เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวันครบรอบ 15 ปีของพวกเธอนับตั้งแต่พวกเธอเดบิวต์ในปี 2007 นี่เป็นการคัมแบ็คครั้งแรกของพวกเธอพร้อมสมาชิกทั้งหมด นับตั้งแต่ปล่อยอัลบั้มชุดที่หก Holiday Night ที่เปิดตัวในปี 2017 และสมาชิกทั้งหมดยังมีส่วนร่วมในรายการเรียลลิตี้ของพวกเธอเองที่มีชื่อว่า So Shi Tam Tam ซูยองกล่าวว่าเมื่อพวกเธอทั้งหมดมาถึงกองถ่าย “พวกเราทุกคนมีพลังอย่างล้นเหลือเลยค่ะ ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม และพวกเราก็ซุกซนกันจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเร็วแค่ไหนเลย”
มาทำความรู้จักกับชเวซูยองอย่างลึกซึ้งด้วยข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับนักแสดงไอดอลคนนี้กัน
1. ชเวซูยอง เกิดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 1990
ชเวซูยองคือชาวราศีกุมภ์ นอกเหนือจากการเป็นที่รู้จักในเรื่องการชอบคิดล่วงหน้าแล้ว ชาวราศีกุมภ์ยังต้องการที่จะสร้างความแตกต่างให้กับโลกใบนี้อีกด้วย ในปี 2018 เธอออกแบบเสื้อผ้าร่วมกับสไตลิสต์ ซอซูคยอง และสร้างแบรนด์ “Beaming Effect” เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคจอประสาทตาอักเสบ (retinitis pigmentosa) ซึ่งเป็นโรคที่พ่อของเธอเป็น และทำให้พ่อของเธอต้องสูญเสียการมองเห็นไป เธอบอกกับนิตยสาร 1st Look ว่า “คุณพ่อของฉันได้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือคนตาบอดและทำงานให้กับองค์กรนี้ค่ะ ความตระหนักรู้ในสังคมเกี่ยวกับความบกพร่องทางการมองเห็นยังมีน้อยมาก ฉันจึงเริ่มต้นทำบางอย่างที่ฉันสามารถทำได้ค่ะ”
2.ซูยอง เดบิวต์เมื่ออายุเพียง 12 ปี
ซูยองเดบิวต์ในปี 2002 ในฐานะส่วนหนึ่งของวงนักร้องดูโอสัญชาติเกาหลี-ญี่ปุ่น ที่มีชื่อว่า Route 0 พวกเธอออกซิงเกิล 3 เพลง ก่อนจะแยกทางกันในปีถัดมา ซูยองกลับมาที่เกาหลีใต้ในปี 2004 และกลายเป็นสมาชิกของวง Girls’ Generation ในอีกสามปีต่อมา การเริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ใช่การเดินเล่นในสวนสาธารณะสำหรับซูยอง เธอจำได้ว่ารู้สึกผิดหวังมากที่ไม่มีโอกาสได้มีช่วงชีวิตวัยเด็กตามปกติเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ แต่เธอรู้ดีว่าทุกสิ่งที่เธอประสบพบเจอ เป็นสิ่งที่พาเธอมาถึงจุดที่เธออย่างในทุกวันนี้ ก่อนที่เธอจะเดบิวต์ในปี 2007 ซูยองได้เข้าร่วมออดิชั่นมากกว่า 100 ครั้ง เธอใช้เวลาเป็นเด็กฝึกหัดอยู่ 7 ปีก่อนที่จะได้เดบิวต์กับ Girls’ Generation ในช่วงที่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และเนื่องจากแนวคิดที่บอกว่าวงเกิร์ลกรุ๊ปนั้นมีวันหมดอายุ ในใจส่วนหนึ่งของเธอจึงยังกังวลเกี่ยวกับชีวิตในอนาคตของตัวเอง
3. เช่นเดียวกับไอดอลหลายๆ คน ซูยองจัดสรรเวลาได้ดีทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน
ซูยองเป็นคนทำงานหนักอยู่เสมอ เธอเรียนวิชาเอกภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยจุงอัง (Chung-Ang University) และจบการศึกษาในปี 2016 ซูยอง ยูริ (Yuri) และพัคชินฮเย (Park Shin Hye) ได้รับรางวัลสำหรับการเป็นทูตประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัย เธอน้ำตาไหลเมื่อยูริพูดถึงความยากลำบากในการเรียนให้จบในขณะที่ทำงานเป็นไอดอลไปด้วย “เราจะตื่นแต่เช้าไปมหาวิทยาลัย แล้วก็ไปที่กองถ่ายเพื่อถ่ายทำงาน แล้วถึงจะได้กลับไปพักค่ะ”
4. ซูยองออกจาก SM Entertainment ในปี 2017 และเขียนเพลงโซโล่แรกของเธอ “Winter Breath”
ซูยองเขียนเพลง “Winter Breath” เมื่อสองปีก่อน เขียนออกมาจากความรู้สึกสูญเสียและโดดเดี่ยว เหมือนไม่รู้ว่าเธอได้เรียนรู้อะไรมาบ้างจากประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของเธอ เธอรู้สึก “เหนื่อย” ทุกครั้งเมื่อถึงสิ้นปี “สิ้นปีเป็นช่วงเวลาที่พวกคุณเฉลิมฉลองให้กับสิ่งที่คุณได้ทำมาในปีนั้นใช่ไหมล่ะคะ? ดังนั้นฉันจึงรู้สึกว่านั่นคือช่วงเวลาฉลองสำหรับผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการทำตามเป้าหมายในปีนั้นๆได้เท่านั้น ซึ่งอาจเป็นการพบปะกัน ให้รางวัลตัวเอง หรือจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ช่วงหนึ่งในชีวิตของฉัน ฉันมักจะฉลองเคาท์ดาวน์ปีใหม่อยู่บนเวทีเสมอ แต่เมื่อฉันไม่ได้เข้าร่วมงานประกาศรางวัลในฐานะนักร้องอีกต่อไป ช่วงปลายปีก็ทำให้ฉันรู้สึกเหงาแปลกๆ ค่ะ มันให้ความรู้สึกเหมือนว่าทุกคนกำลังเฉลิมฉลองในสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อถึงช่วงสิ้นปี และฉันก็รู้สึกแปลกแยกจากพวกเขา”
5. ซูยองได้รับบทแสดงนำเป็นครั้งแรกในปี 2014
แม้ว่าเธอจะมีโอกาสในฐานะนักแสดงหลายต่อหลายครั้ง นับตั้งแต่กลางปี 2000 เป็นต้นมา จนกระทั่งเธอได้แสดงในซีรีส์เรื่อง The Spring Day Of My Life ในฐานะหญิงสาวที่ป่วยหนัก ซูยองทำให้ผู้คนพูดถึงการแสดงของเธอเป็นอย่างมาก จากการแสดงของเธอในเรื่องนั้น ทำให้เธอได้รับรางวัล “นักแสดงหญิงยอดเยี่ยมในมินิซีรีส์” จากงาน MBC Drama Awards ปี 2014 และรางวัล Excellence Award for Actress จากงาน Korea Drama Awards ปี 2015 ตั้งแต่นั้นมา ซูยองก็กลายเป็นนักแสดงหลักของโปรเจ็กต์ที่ยอดเยี่ยมเรื่องอื่นๆ อีก เช่น Tell Me What You Saw, Run On, So I Married An Anti-Fan และ New Year Blues
6. ซูยองก็มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามเหมือนกับพวกเรานั่นแหละ
ในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 ชเวซูยองในฐานะไอดอลและนักแสดงบอกกับ Cosmopolitan Korea ว่า หนึ่งในปัญหาเกี่ยวกับความสวยความงามของเธอคือ “อาการหน้าบวม” และเพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ เธอจึงเริ่มดื่มน้ำฟักทองในตอนเช้า เมื่อถ้าเธอมีเวลา เธอก็จะออกกำลังกายเพื่อเรียกเหงื่อด้วยความช่วยเหลือจากเครื่องพาวเวอร์เพลทของเธอ
7. ซูยองได้รับคำแนะนำมากมายจากแฟนหนุ่มจองคยองโฮ
ไม่ใช่ความลับเลยสำหรับเรื่องที่ซูยองออกเดทกับนักแสดงจองคยองโฮ (Jung Kyung Ho) ตั้งแต่ปี 2013 ดังนั้นผู้คนจึงรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับการสนับสนุนกันและกันของทั้งคู่ และวิธีที่จองคยองโฮช่วยเหลือเธอในด้านการแสดง ในขณะที่พูดถึงซีรีส์เรื่อง Run On ซูยองถูกถามเกี่ยวกับความคิดเห็นของคยองโฮ และเธอกล่าวว่า “ทุกวันนี้ ฉันมักถูกถามว่าฉันจะเลือกอะไรระหว่างงานกับความรัก แต่ฉันไม่คิดว่าความรักกับงานจะแยกจากกันได้ค่ะ
ฉันคิดว่าทั้งสองอย่างเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน ฉันพยายามอย่างเต็มที่โดยปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญในสิ่งที่ต้องทำ สำหรับเขา ฉันคิดว่าเขาเป็นนักแสดงที่เก่งกาจในเรื่องโรแมนติกคอมเมดี้ ฉันคิดว่ามันเป็นหนึ่งในความโชคดีของฉันที่มีคนเช่นเขาอยู่ในจุดที่ฉันสามารถถามคำถามต่างๆ ได้อย่างสบายใจ เขาให้แนวคิดและความช่วยเหลือมากมายแก่ฉันจริงๆ ค่ะ”
และถ้าเผื่อคุณสนใจ จองคยองโฮก็รู้สึกเกรงใจเธอไม่แพ้กัน ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ Ilgan Sports เขากล่าวว่า “ซูยองเป็นคนที่อบอุ่นมากครับ เป็นสิ่งที่ผมเองไม่มี เธอมีทุกอย่างที่ผมไม่มีครับ และบางครั้งผมก็รู้สึกอิจฉาเธอนะ แต่ผมก็ยิ่งรักเธอมากขึ้นไปอีกเหมือนกัน ซูยองทำให้ผมรู้สึกเข้มแข็งขึ้นจริงๆครับ”
8. Girls’ Generation จะเป็นที่พิเศษในใจเธอเสมอ
แม้พวกเธอ Girls’ Generation จะมุ่งเน้นไปที่งานเดี่ยวของพวกเธอในช่วงหลังมานี้ แต่พวกเธอก็ยังคงมีเวลาให้กันและกันอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่เราได้เห็นสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมของกันและกัน และแสดงการสนับสนุนกันอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ ซูยองอธิบายถึงความสัมพันธ์ของพวกเธอว่า “พวกเธอเป็นสมาชิกที่ฉันรู้จักมาประมาณ 15 ปีแล้วค่ะ ในฐานะผู้หญิงและในฐานะคนที่ทำงาน อารมณ์และวิถีทางที่เราเติบโตขึ้นมา มันทับซ้อนกันอยู่ตลอด มันน่าทึ่งจริงๆ คงเป็นเพราะพวกเราต้องอดทนและฝ่าฟันกับช่วงเวลาเหล่านั้นมาด้วยกันมั้งคะ …ฉันคุยกับทิฟฟานี่จนถึงตี 1 ของเมื่อวานนี้ เราพูดคุยเกี่ยวกับความกังวลของเราเกี่ยวกับงานอยู่ประมาณห้าถึงหกชั่วโมง ฉันชอบที่ฉันมีเพื่อนที่ฉันสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความกังวลของฉันได้ สมาชิกเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในชีวิตที่ฉันสามารถแบ่งปันความกังวลของฉันได้ค่ะ”
9. ซูยองรู้สึกมั่นใจในวัย 30 ปีของเธอ
ปี 2020 เป็นจุดเปลี่ยนที่แท้จริง เนื่องจากเป็นปีสุดท้ายของช่วงวัยยี่สิบปีของเธอ เธอบอกกับ Marie Claire ว่า “ฉันรู้สึกเหมือนมีหมอกจางๆ ปกคลุมบนเส้นทางที่ฉันไม่เคยเดินมาก่อนค่ะ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันชอบอะไร อะไรทำให้ฉันเปล่งประกาย ฉันควรอยู่กับใครเพื่อความสนุกสนาน และควรใช้เวลาอย่างไร ฉันคิดว่าจากทุกสิ่งที่ฉันประสบในวัยยี่สิบ สิ่งที่ฉันได้รับคือความเฉลียวฉลาดค่ะ เมื่อก่อนฉันเคยเสียใจกับเวลาที่ผ่านไป รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน และฉันก็อยากลองทำอะไรให้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้ฉันได้ทำสิ่งเหล่านั้นแล้ว และสิ่งที่ฉันเหลือไว้คือรากฐานเหล่านี้ ฉันจะมุ่งเน้นไปที่รากฐานเหล่านี้และใช้ชีวิตวัย 30 ของฉันอย่างชาญฉลาดค่ะ”
10. ติดตามซูยองได้บน Instagram
ซูยองมีความกระตือรือร้นในการอัพเดท IG ของเธอ (@Sooyoungchoi) อยู่เสมอ โพสต์ของเธอมีทั้งช็อตเบื้องหลังการแสดง ทริปสนุก ๆ และการพบปะสังสรรค์กับผู้คนที่หลากหลาย รวมไปถึงวิดีโอซ้อมเต้น OOTD สุดเก๋ และอีกมากมาย นักแสดงและไอดอลสาวของเรายังมีช่อง YouTube ที่เธอเอาไว้อัปเดตกับแฟน ๆ ของเธอ ผ่านวิดีโอบล็อกของเธอ
