7 เรื่องน่ารู้ของฮันโซฮี (Han So Hee) พร้อมประวัติและผลงาน

You are currently viewing 7 เรื่องน่ารู้ของฮันโซฮี (Han So Hee) พร้อมประวัติและผลงาน

ฮันโซฮี (Han So Hee) เธอโด่งดังจากซีรีส์เรื่อง The World of the Married ซีรีส์เคเบิ้ลเกาหลีเรตติ้งสูงสุด ณ เวลานี้ หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาเธอเป็นอย่างดี นักแสดงสาวสวยคนนี้ได้ดังเปรี้ยงปร้างกับบทเมียน้อยอย่างยอดากยองในซีรีส์ที่ชวนปวดใจเรื่องนี้

หลังจากนั้น ฮันโซฮี ก็ได้รับบทอื่น ๆ เช่นยูนาบี ในเรื่อง Nevertheless ที่สามารถรับชมได้ทาง Netflix โดยประกบคู่กับซงคัง หนึ่งในนักแสดงจาก Sweet Home สุดระทึกขวัญ

แต่บทบาทที่ทำให้ผู้ชมอึ้งคือเรื่อง My Name ซีรีส์เรื่องดังของ Netflix ฮันโซฮีสร้างภาพลักษณ์ใหม่ด้วยบทผู้หญิงที่ละทิ้งชื่อและตัวตนของเธอ ยอมเข้าร่วมแก๊งยาเสพติดเพื่อตามหาฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอ

เรามารู้จักเธอเพิ่มเติมกันดีกว่า

เธอค่อนข้างจริงจังกับบทบาทใน ‘MY NAME’

My Name

หากคุณได้ดู My Name ก็จะรู้ว่าบทบาทของฮันโซฮีต้องใช้ร่างกายค่อนข้างมาก เพื่อให้สมจริงกับการเป็นตัวละคร ฮันโซฮีจึงเทรนกับเทรนเนอร์มืออาชีพเพื่อเพิ่มน้ำหนักถึง 10 กก.(จากกล้ามเนื้อ) ผ่านการฝึกของเธอ อีกทั้งฮันโซฮียังต้องถือมีดพกติดตัวเพื่อจะได้ชินกับและรู้สึกสบายใจมากขึ้นในการแสดงบทบาทนี้

ฮันโซฮี ไปเรียนแอ็คชั่นเป็นเดือน ๆ

ฮันโซฮีไปเรียนแอ็คชั่นเพื่อทำความคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวและท่าทางสำหรับการแสดง เธอเผยว่า “ท่าทางการขยับตัวของฉันมันไม่ค่อยดีเท่าไร ฉันเลยต้องไปเรียนแอ็คชั่นทุกวันค่ะ  แล้วฉันก็มีกำลังใจมากขึ้นพอเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ทั้งการเคลื่อนไหวและท่าทางต่าง ๆ ของฉัน มันไม่ง่ายเลยนะคะ แต่คุณครูที่โรงเรียนสอนแอ็คชั่นสอนฉันได้ดีจริง ๆ ค่ะ พอแสดงฉากแอ็คชั่นฉันเลยกดดันน้อยลงกว่าแสดงฉากอารมณ์ พอถ่ายทำฉากแอ็คชั่นเสร็จแบบไม่มีไรต้องแก้นั่นคือผลลัพธ์ที่ดีค่ะ ฉันสนุกมากเลย”

ฮันโซฮีบอกว่าเธอได้แรงบันดาลใจจากเรื่องอื่น ๆ เช่น Atomic Blonde และ The Old Guard “มีศิลปะการต่อสู้ที่แตกต่างกัน คุณครูของฉันพูดถึง Atomic Blonde ซึ่งเป็นสไตล์การต่อสู้ที่ใช้เวลานาน ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดการต่อสู้นี้อาจจะเป็นการทำร้ายผู้อื่นเลยก้ได้ค่ะ ถ้าฉันฝึกไม่พอคนอื่นก็อาจจะต้องเจ็บตัว แน่นอนค่ะว่าฉันไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น ฉันจึงฝึกหนักมากเพื่อให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างปลอดภัยค่ะ”

ฮันโซฮี เคยเรียนสาขาศิลปะ

หลังจากตัดสินใจจะเอาดีด้านการแสดง ฮันโซฮีจึงลาออกจากมหาลัย ซึ่งเธอเรียนสาขาศิลปะอยู่ ฮันโซฮีย้ายมาอยู่ที่โซลเพ่อทำตามความฝัน แต่แพสชั่นในศิลปะของเธอไม่เคยหมดไป ฮันโซฮียังคงมีงานอดิเรกคือการวาดรูปและอัพรูปผลงานศิลปะของเธอลงในไอจี

ในซีรีส์เรื่อง Nevertheless ฉากถ่ายทำคือสาขาศิลปะ ความสามารถด้านศิลปะของฮันโซฮีจึงโดดเด่นออกมา และเธอก็เป็นนักแสดงเพียงคนเดียวในเรื่องที่ไม่ต้องเรียนศิลปะเพิ่มเติมสำหรับการแสดง ฮันโซฮียังได้มีโอกาสแสดงทักษะทางศิลปะของเธอในฉากที่ตัวละครที่เธอรับบทคือนาบีต้องวาดรูป ผู้ชมยังได้เห็นผลงานศิลปะของเธอที่อยู่ในห้องของนาบีด้วย ซึ่งฮันโซฮีก็ภูมิใจกับผลงานนั้นมาก

“ผู้อำนวยการศิลปะชื่นชอบเธอมากเพราะฮันโซฮีเก่งศิลปะจริง ๆ ค่ะ” คิมการัม ผู้กำกับ Nevertheless เผยในงานแถลงข่าวซีรีส์

เธอเดินทางมาโซลแม้จะไม่ค่อยมีเงิน

ก่อนหน้านี้ชีวิตของฮันโซฮีไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ฮันโซฮีเดินทางมาโซลด้วยเงินไม่ถึง 300,000 วอน จากโพสของ The South China Morning ซึ่งนำบทความของ Daum ที่ถูกลบไปมาเผยแพร่เผยว่าฮันโซฮีเดินทางมาโซลคนเดียว ในตอนั้นเธอยังเป็ยวัยรุ่นอายุเพียง 19 ปี ก่อนเดบิวท์เธอทำงาน part-time หนักมากเพื่อหาเงิน และเคยทำงานอยู่ที่ร้านขายเบียร์ด้วย

ฮันโซฮี เดบิวท์ด้วยการเป็นนางเอก mv ของ SHINee

ก่อนจะเข้าสู่วงการซีรีส์ ฮันโซฮี ปรากฏตัวครั้งแรกใน mv เพลง ‘Tell Me What To Do’ ของ SHINee ฮันโซฮีเผยในสัมภาษณ์กับ BNTNews ว่า “ตอนนั้นฉันยังไม่มีต้นสังกัดเลยค่ะ แต่มีแมวมองมาเห็นฉันจาก sns” หลังจากนั้นความสวยของฮันโซฮีก็ทำให้เธอมีผลงาน mv อื่น ๆ ตามมา เช่น ‘That Girl’, ‘The Hardest Part’ และ ‘You&I’

‘THE WORLD OF THE MARRIED’ เปลี่ยนชีวิตเธอ

Han So Hee

หลังจากรับบทเป็นดากยอง ใน The World of the Married ฮันโซฮีก็ได้รับความนิยมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอให้สัมภาษณ์กับ The Korea Herald ว่า “ฉันตกใจมากเลยค่ะ ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันมีความสุขที่ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปนะคะ คือฉันหมายถึงชีวิตของฉันเปลี่ยนไปจริง ๆ น่ะค่ะ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันได้ว่าชีวิตฉันประสบความสำเร็จแล้ว”

เป็นความจริงที่ว่าความเกลียดชังที่เธอได้รับในบทดากยองมีส่วนให้เธอดังขึ้น ฮันโซฮีเห็นด้วยที่ว่าตัวละครดากยองเป็นตัวละครที่น่าสงสาร “ตอนฉันอ่านบทฉันสงสารดากยองนะคะ แล้วก็คิดว่า ‘ทำไมเธอต้องทำกับตัวเองจนชีวิตมาถึงจขุดนี้ได้ล่ะ” ฮันโซฮีให้สัมภาษณ์กับ Dazed magazine

โรลโมเดลของเธอคือคิมฮีแอ

การได้ร่วมงานกับนักแสดงในตำนานอย่าง คิมฮีแอ ทำเอาฮันโซฮีดีใจมาก เธอได้แรงบันดาลใจให้ทำงานหนักเพื่อที่จะได้เป็นเหมือนคิมฮีแอที่เป็นโรลโมเดลของเธอ “พอเจอรุ่นพี่คิมฮีแอแล้วฉันคิดเลยค่ะว่าฉันอยากเป็นนักแสดงแบบรุ่นพี่ บทบาทที่รุ่นพี่เล่นส่วนใหญ่เป็นบทของผู้หญิงที่เป็นผู้นำ ฉันอยากเล่นบทแบบนั้นค่ะ” ฮันโซฮีให้สัมภาษณ์กับ Grazia

Leave a Reply