เรื่องย่อซีรีส์ If You Wish Upon Me (2022)

You are currently viewing เรื่องย่อซีรีส์ If You Wish Upon Me (2022)

ละครเรื่องใหม่ “If You Wish Upon Me” ซีรีส์ Viu Original เป็นละครที่ได้แรงบันดาลใจมาจากองค์กรที่มีอยู่จริงในเนเธอร์แลนด์ พวกเขาช่วยเติมเต็มความปรารถนาของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกผู้คนข่มเหงรังแก และใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก เขาไปที่โรงพยาบาลนี้และทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ช่วยเติมเต็มความปรารถนาที่หลากหลายของผู้ป่วยมะเร็งในระยะสุดท้าย 

จีชางอุค (Ji Chang Wook) จะรับบทเป็น ยุนกยอเร (Yoon Gyeo Re) ชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตอย่างอยากลำบาก เขาเคยชินกับการทำให้ตัวเองเจ็บปวดด้วยการสักไปทั่วร่างกาย ยุนกยอเรเติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และเคยใช้ชีวิตอยู่ในศูนย์กักกันเยาวชน และเรือนจำ ติดตามได้ที่ Viu เท่านั้น

พรีวิว If You Wish Upon Me Ep.1-2

มาแล้ว 2 ตอนแรก กับ Viu Oroginal เรื่องใหม่ If You Wish Upon Me ซีรีส์น้ำดี ที่ได้รับเสียงชื่นชมตั้งแต่ตอนแรก นำแสดงโดย จีชางอุค รับบทเป็น “ยุนกยอรเย” อดีตนักโทษที่ทั้งชีวิตไม่เคยได้พบกับความสุข หลังพ้นโทษจากคุก เขาได้กลายมาเป็นอาสาสมัครดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ภายใต้ชื่อ “ทีมจีนี่” และได้พบกับ ชอยอนจู รับบทโดย ชเวซูยอง พยาบาลสาวสวยที่ทำงานอยู่ในสถานดูแลผู้ป่วย นำทีมสร้างความสุขในช่วงสุดท้ายของชีวิต โดย คังแทชิก รับบทโดย ซองดงอิล
.
บอกเลยว่างานนี้ ใครจิตใจใจอ่อนไหวกับเรื่องสัตว์เลี้ยง ผู้สูงอายุ คนป่วยระยะสุดท้าย เตรียมทิชชู่ไว้ก่อนดูได้เลย เพราะเสียน้ำตาหนักมากแน่นอน ตัวซีรีส์มีทั้งความอบอุ่น ปรัชญาชีวิต บอกเล่าผ่านคนสองวัย ที่ช่วงเวลาในการใช้ชีวิตต่างกัน แต่ไม่ว่าใครจะเกิดก่อน หรือเกิดทีหลัง ความตาย ก็เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อยู่ดี
.
อ่านรีวิวแบบนี้ ใครคิดว่าซีรีส์ต้องมาแนวดึงเศร้า พาซึ้งกันตลอดทั้งเรื่องแน่ๆ ก็อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป เพราะถ้าดูจากวิธีการเล่า น่าจะมีจังหวะสนุกๆระหว่างทางแทรกมาให้เราได้อมยิ้มไปเรื่อยๆแน่นอน

If You Wish Upon Me Ep.3-4

อีกหนึ่งซีรีส์น้ำดีจาก Viu Original ที่ออกอากาศมาแล้ว 4 ตอนด้วยกัน เรื่องราวของอดีตนักโทษที่ออกมาจากเรือนจำ และต้องมาทำงานจิตอาสา เพื่อผู้ป่วยระยะสุดท้ายกับทีมจีนี่ ที่ดูแลสถานบริบาลผู้ป่วยในประเทศเกาหลีใต้
.
ในสัปดาห์นี้ มีฉากพูดคุยเล็กๆ ระหว่างซอยอนจู กับ ยุนกยอเร ที่เราดูแล้วรู้สึกถึงความรัก และแรงบันดาลใจในการทำงานของตัวละครอย่าง ซอยอนจู มากๆ นั่นคือ ฉากที่ กยอเร ถามเธอว่า ทำไมเธอถึงชอบออกกำลังกาย เพื่อจะได้อยู่ไปนานๆ อายุยืนงั้นเหรอ
.
ยอนจู เลยบอก กยอเร ว่า ที่เธอออกำลังกาย เพราะเธออยากช่วยเหลือผู้ป่วยได้ เพราะแม่ของเธอก็เป็นมะเร็งเหมือนกัน มีวันนึงที่แม่ของเธอปวดมากๆ เธอต้องแบกแม่ขึ้นหลังไปเพียงลำพัง เพราะรถพยาบาลเข้ามารับแม่เธอไม่ได้ แต่เธออ่อนแอเกินไป แบกแม่ได้แค่แปปเดียว ขาก็อ่อนแรงไปแล้ว เธอเลยอยากให้ตัวเองสุขภาพแข็งแรง เพื่อคอยดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายทุกคน
.
เป็นโมเมนต์เล็กๆ ที่ดูแล้วอบอุ่น แถมยังได้แรงบันดาลใจในการออกไปดูแลสุขภาพกันด้วย นี่คือซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่เราขอแนะนำให้ติดตามกันไปแบบยาวๆได้เลย

If You Wish Upon Me Ep.5-6

ถ้าคุณค่าของซีรีส์ คือ การเติมพลังหลังกลับจากการทำงานให้กับคนดู ซีรีส์เรื่อง If You Wish Upon Me ก็ทำหน้าที่นั้นได้อย่างดีเยี่ยม และส่งมอบรอยยิ้มให้กับเราได้ทุก EP
.
ในสัปดาห์นี้เราได้เห็นความปรารถนาสุดท้ายของ “เซฮี” หญิงสาวที่อยากแสดงละครเวทีกับ พโยกยูแท ในละครเวทีเรื่อง “ปาฏิหาริย์แห่งรัก” และได้เห็นถึงความคิดของเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดที่เห็นพ่อของเธอทำความผิด ทั้งสองเหตุการณ์เป็นหนึ่งในหลายๆเรื่องราวที่เกิดขึ้น และผ่านเข้ามาให้ทีมจีนี่ได้เป็นคนดูแล
.
แต่ที่พีคมากๆสำหรับเราในสัปดาห์นี้ มีสองเหตุการณ์ คือ ฉากสารภาพรักแบบตรงๆไม่อ้อมค้อมระหว่าง ยอนจู กับ กยอรเย ที่ซีรีส์ออกมาแบบมาให้ตัวละครทั้งสองคนนั่งพูดคุยกันถึงความสุขในชีวิต แล้วยอนจู ก็พูดถึงความสุขในชีวิตของตัวเองว่า รอยยิ้มของ กยอรเย เป็นหนึ่งในสิ่งที่เธออยากเห็น และอยากรู้ว่าจะทำให้เขามีความสุขมากขึ้นกว่านี้ได้ยังไง
.
ส่วนเหตุการณ์ที่สอง ก็คือ ฉากที่คังแทชิก สารภาพความจริง ว่าเขารู้อยู่แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของ กยอรเย คือใคร เขาเลยทำทุกอย่างเพื่อให้ กยอรเย มาที่นี่ ในฐานะที่เขา คือ คำขอสุดท้ายของ คังแทชิก ตรงนี้ต้องรอดูในสัปดาห์หน้า ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไประหว่าง คังแทชิก และกยอรเย ชายหนุ่มที่ตั้งใจไว้แล้ว ว่าจะเอาเงินทั้งหมดที่ตัวเองมีให้ทีมจีนี่ไว้ทำตามคำขอสุดท้ายของคนไข้ต่อไป

รีวิว If You Wish Upon Me (ตอนจบ)

จบไปแล้วกับซีรีส์ดราม่า เยียวยาจิตใจ เรื่อง If You Wish Upon Me ที่ปิดท้ายด้วยโมเมนต์สุดประทับใจกับงานวันเกิดของ “ยุนกยอรเย” ซึ่งเป็นคำขอสุดท้ายของ “คังแทชิก” หัวหน้าทีมจีนี่ ที่อยากใช้เวลาช่วงสุดท้าย และคำขอสุดท้ายของเขาไปกับ กยอรเย เพราะในสายตาของหัวหน้าคัง ชายหนุ่มคนนี้เป็นเหมือนกับ “ลูกชาย” ของเขา ที่เขาอยากให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนโลกนี้ไปนานๆ
.
ทางด้านความสัมพันธ์ระหว่าง กยอรเย กับ ยอนจู ก็ปิดท้ายความหวานที่ชัดเจนกันมาเกือบตลอดทั้งเรื่อง ด้วยภาพวาดของทั้งคู่ตอนแก่ ที่กยอรเย ตั้งใจวาดมาให้เธอได้ดู ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังอยู่ต่อหน้าหลุมศพของแม่ ยอนจู ซีนนี้จึงเป็นเหมือนกับตัวแทนฉากขออนุญาตดูแลยอนจู ต่อหน้า “แม่” ผู้หญิงที่ยอนจูรักมากที่สุดในชีวิต
.
และสำหรับใครที่ยังคงประทับใจกับความผูกพันระหว่าง กยอรเย กับ ลูกจ๋า หมาน้อยผู้คอยเยียวยาจิตใจ และเป็นเหมือนสิ่งมีชีวิตเพียงสิ่งเดียวที่เชื่อระหว่าง กยอรเย กับโลกใบนี้ไว้ ในตอนสุดท้าย กยอรเย ก็ได้ตัดสินใจ สักรูป “ลูกจ๋า” ไว้ที่ต้นคอของตัวเอง เพื่อให้เจ้าตัวเล็กตัวนี้ติดตัวแป็นที่ระลึกถึงตลอดไป
.
หลังจากความสูญเสีย และความเศร้าผ่านพ้นไป “กยอรเย” ก็เติบโตขึ้น จนกลายเป็นผู้นำของทีมจีนี่ยุคใหม่ ร่วมกับ ทีมงานคุณภาพที่โรงพยาบาล เพื่อทำให้คำขอสุดท้ายของผู้ป่วยเป็นจริง และเป็นแหล่งพักพิงสำหรับคนที่กำลัง “หลงทาง” คนประเภทเดียวกันกับเขา คนที่เดินทางตามหาเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อไป


.

Leave a Reply