คิมฮเยซู (Kim Hye Soo) คือดารามากฝีมือ และ เป็นดารารุ่นใหญ่ในวงการบันเทิงเกาหลี เธอมีผลงานหนังและซีรีส์มาแล้วมากมาย Hyena , Signal และ ล่าสุด Under The Queen’s Umbrella ที่ฉายผ่านทาง Netflix
1.คิมฮเยซู (Kim Hye Soo) เกิดวันที่ 5 กันยา 1970
ราศีกันย์ สัญลักษณ์แห่งการมุ่งถึงผลลัพธ์ คนที่เกิดราศีนี้มักจะคิดล่วงหน้าและกังวลให้บรรลุผลที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า
“ชาวราศีกันย์มักจะตระหนักถึงมาตรฐานของตนเอง ถึงแม้ชาวราศีกันย์จะรู้ว่าคนที่ทำงานด้วยอาจจะไม่ใช่คนประเภทเดียวกับพวกเขา แต่ชาวราศีกันย์ก็อยากให้คนที่ทำงานด้วยปรับหรือพัฒนาตนให้เข้ากับชาวราศีกันย์”
2.เธอเดบิวท์ในฐานะนักแสดงตั้งแต่อยู่มัธยม!!
ด้วยผลงานภาพยนตร์เรื่อง Ggambo ในปี 1986 เธอยังเป็นที่รู้จักในเรื่อง Did We Really Love? ที่แสดงร่วมกับแพยงจุน และ Revenge And Passion จากบทนักแสดงสมทบอย่างจองมีคยอง
อาชีพของเธอก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2000 โดยเฉพาะผลงานภาพยนตร์อย่าง Kick The Moon, Three และ YMCA Baseball Team ภาพลักษณ์ของตัวละครหญิงในภาพยนตร์สยองขวัญอย่าง The Red Shoes และ Tazza: The High Rollers สร้างฐานะคนดังแถวหน้าของวงการเกาหลีใต้ของเธอให้มั่นคงยิ่งขึ้น
ฮเยซูยังคงมีชื่อเสียงอยู่ในทุกยุค แต่ผลงานที่เป็นที่จดจำของเธอคือซีรีส์เรื่อง Villain And Widow ที่แสดงร่วมกับฮันซอกกยู
ในปี 2012 เธอกลับมาทำงานกับผู้กำกับชเวดงฮุนอีกครั้งในเรื่อง The Thieves ซึ่งทั้งคู่เคยร่วมงานกันในเรื่อง Tazza: The High Rollers อย่างที่เรารู้ว่าผู้ชมชอบดูภาพยนตร์แนวปล้นขโมย The Thieves จึงได้รับกระแสที่ดีมากในเกาหลีใต้ 3 ปีต่อมาฮเยซูได้รับบทนำภาพยนตร์แนว noir film เรื่อง Coin Locker Girl คิมฮเยซูและนักแสดงร่วมอย่างคิมโกอึนรับบทเป็นนักเลงไร้หัวใจที่อยู่ในย่านไชน่าทาวน์แถวอินชอน ฮเยซูต้องใส่ท้องเทียมและเพิ่มรอยบนใบหน้าให้ดูมีอายุเพื่อให้สมกับบทบาท
ผลงานอีกเรื่องของคิมฮเยซูที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือซีรีส์เรื่อง Signal ที่ออกอากาศในปี 2016 ซีรีส์เรื่องนี้เป็นที่นิยมอย่างมากทั้งแง่การวิจารณ์และทางธุรกิจ จนไม่ต้องแปลกใจเลยที่เธอชนะรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากงาน Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 52 ด้วยบทชาซูฮยอน
3.บทบาทแรกของ คิมฮเยซู เป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย
ในปี 2017 คิมฮเยซู แสดงภาพยนตร์เรื่อง A Special Lady ซึ่งต้องต่อสู่กับตัวละครอื่น ๆ และสตั้นท์แมนด้วย นอกจากนี้เธอต้องพกปืนไรเฟิลที่มีน้ำหนักมากกว่า 20 ปอนด์อีกด้วย
จากบทความใน Soompi เธอเตรียมตัวอย่างหนักสำหรับบทบาทนี้ คอยแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้กำกับอยู่ตลอด รวมถึงการเปลี่ยนตัวเองเป็นนาฮยอนจอง สาวผมสี platinum blonde เธอกล่าวว่า
“หลังจากพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกับแต่ละทีมแล้วผู้กำกับก็ตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้าย ฉันแนะนำทรงผมของนาฮยอนจองเองค่ะ ฉันคุยกับกับผู้กำกับ ทีมแต่งหน้าและทีมสไตล์ลิสนานมาก มันยากเกินกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะคะกับการเปลี่ยนจากผมสั้นไปเป็นผมสีสว่าง ฉันต้องฟอกสีผมทุก ๆ 7-10 วันจนศีรษะบริเวณด้านขวาไหม้ และต้องโกนบริเวณขอบหน้าอกเพราะโดนสารเคมีในน้ำยาฟอกกัดค่ะ”
4.ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นพิธีกรรายการเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั่วไปในปัจจุบัน
จากประสบการณ์การเป็นพิธีกรในงานประกาศรางวัลและการรายการวาไรตี้ เธอจึงมีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของรายการ W ทางช่อง MBC ทีมงานเห็นว่าเธอสนใจปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมโลก ก่อนหน้านี้ คิมฮเยซู ได้ปรากฏตัวใน W ที่เธอไปเนปาลเมื่อปี 2008 ในฐานะทีมงาน เธอแจกอาหารให้คนท้องถิ่นและช่วยเหลือเด็ก ๆ. เมื่อเธอมาเป็นพิธีกร เธอจึงพูดถึงความรู้สึกของเธอว่าว่า
“ฉันชอบวิธี ที่ W นำเสนอข่าวต่อโลกของเราอย่างตรงไปตรงมาค่ะ ตลอด 5 ปีที่ออกอากาศจนถึงตอนนี้ มันเป็นความฝันที่เป็นจริงสำหรับฉันที่จะมีส่วนร่วมในรายการสารคดี ฉันหวังว่าฉันจะได้ใช้ชีวิตให้สมกับที่คาดหวังไว้ค่ะ”
แต่น่าเสียดายที่เธอทำรายการนี้ได้ไม่นานตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2010 เพราะในขณะนั้นเธอต้องโปรโมทซีรีส์เรื่อง Home Sweet Home จนชาวเน็ตเรียกเธอว่า “ผู้ทำลายล้าง”
5.คิมฮเยซู พูดได้ถึง 5 ภาษา
ช่อง tvN เผย “คนดังที่มีสมองอันชาญฉลาด” โดยพูดถึงคนดังที่พูดได้ 3 ภาษาขึ้นไป คิมฮเยซู ได้อันดับ 1 เพราะเธอสามารถพูดได้ทั้งภาษาเกาหลี อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น และสเปน ฮเยซูยังเรียนภาษาอังกฤษเพื่อบทของเธอใน Too Tired To Die ที่แสดงร่วมกับทาเคชิ คาเนชิโร่
6.เธอมีความสามารถในการวาดรูป
ที่จริงแล้วฮเยซูเคยเดบิวท์ในฐานะจิตรกรในงาน Seoul Open Art Fair ณ COEX เมื่อปี 2009 คนดังคนอื่น ๆ ก็ยังเชิญเธอให้ไปงานศิลปะขอฃงพวกเขา เช่น นักร้องโชยองนัม, นักแสดงหญิงชิมอึนฮา, นักแสดงชายคังซอกอูที่เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ the Star Art Project
7.แม่ของเธอเคยมีข่าวเกี่ยวกับหนี้สิน
ฮเยซูรับรู้เรื่องราวหนี้สินของแม่ในปี 2012 เธอบอกว่าในตอนนั้นเธอตกใจมากจนทำงานไม่ได้เลย “เมื่อฉันรู้ว่าแม่ทำอะไรไว้ฉันก็ทำงานไม่ได้เลย ฉันไม่อยากทำงานอีกต่อไป ฉันคิดว่าฉันเพิ่งเริ่มทำงานเป็นนักแสดงนะ แต่ปัญหาหนี้สินของแม่ มันเกิดขึ้นมานานก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว ใจของฉันสับสนระหว่าง ‘ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด’ กับ ‘การไม่รู้ก็เป็นอาชญากรรมเช่นกัน’ ฉันบอกทุกคนที่ฉันรู้จักว่า
‘ฉันไม่ไปทำงานนะ ฉันทำงานไม่ได้หรอก และฉันจะพยายามแก้ปัญหาในสิ่งที่ฉันสามารถจะทำได้’ ตอนนั้นฉันไม่อยากจะทำงานแล้วค่ะ แต่ฉันก็คิดว่าฉันไม่ควรยอมแพ้กับเวลาทั้งหมดที่ฉันผ่านมาในฐานะนักแสดง เมื่อเวลาผ่านไปฉันรู้สึกขอบคุณนะคะ ตอนนั้นฉันถ่ายซีรีส์เรื่อง The Queen Of Office อยู่ ตัวฉันเองเหมือนกับตัวละครในเรื่องเลยค่ะที่ถึงแม้จะสูญเสียตัวตนจากการทำงานแต่สุดท้ายก็มีเพื่อนและคนรอบข้างคอยช่วยเหลือ”
ในปี 2019 ต้นสังกัดของฮเยซูได้ออกแถลงการณ์ว่าแม่ของเธอเป็นหนี้คนอื่น ๆ 1.3 พันล้านวอน (ประมาณ 35.5 ล้านบาท) ในขณะที่ฮเยซูพยายามจัดการปัญหานี้จนท้ายที่สุดเธอกับแม่ก็ตัดความสัมพันธ์กัน
“สาเหตุของปัญหาเหล่านี้เกี่ยวข้องกับหนี้สินของแม่เธอ และคิมฮเฮซูได้ทำทุกอย่างที่เธอสามารถทำได้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ แต่เธอไม่สามารถควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นได้อีกต่อไปหลังจากแม่เธอสัญญาแล้วว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกและจะขาดการติดต่อกัน”
นักแสดงชื่อดังเกาหลี คิมฮเยซู ยังคงอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เก่า เพราะหนี้และการโกงเงินของแม่
8.เธอถูกกล่าวหาว่างานวิทยานิพนธ์ของเธอลอกเลียนแบบมา
คิมฮเยซู จบการศึกษาปริญญาตรีจากสาขาภาพยนตร์ มหาวิทลัยดงกุก และปริญญาโทด้านสื่อสารมวลชนจากมหาวิทยาลัยซองกยุนกวาน ปี 2013 เธอออกมาโตแย้งเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่าวิทยานิพนธ์ป.โทของเธอหัวข้อ “Study of the Communication Acts of Actors and Actresses” ลอกเลียนแบบมา มีรายงานว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ถูกก๊อปวางจากบทความต่าง ๆ
เธอกล่าวว่า “ฉันเรียนป.โทเพราะฉันสนใจวิชาการด้านการแสดงและเห็นว่าการเรียนป.โทนั้นสอดคล้องไปกับตารางงานที่ยุ่งของฉันได้ ฉันโฟกัสไปที่การขยายความในเรื่องต่าง ๆ ที่ฉันสนใจมากกว่าการค้นคว้าทางวิชาการ ฉันจะมุ่งเน้นไปที่ ‘กระบวนการ’ ที่จะทำให้ฉันมีความรู้มากขึ้น ฉันคิดว่าวิทยานิพนธ์เป็นเรื่องวิชาการมากกว่าเป็นความสำเร็จเชิงวิชาการสำคัญ ๆ นะคะ”