“Squid Game” ซีรีส์ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามในซีซั่นแรก เตรียมกลับมามอบความสนุกให้กับผู้ชมอีกครั้งเร็วๆนี้
ซีซั่นแรกของ Squid Game มียอดวิวกว่า 330 ล้านครั้ง กลายเป็นซีรีส์ที่มีผู้ชมมากที่สุดบน Netflix ตลอดกาล และส่งให้นักแสดงนำอย่าง อีจองแจ (Lee Jung-jae) และผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก (Hwang Dong-hyuk) ได้รับรางวัล Emmys สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นคนเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลในสาขาที่พวกเขาเข้าชิง
ฮวังดงฮยอกได้ให้สัมภาษณ์ถึงซีซั่นใหม่ เมื่อถูกถามว่าตอนนี้ดูเหมือนทุกสิ่งจะเป็นไปตามที่เขาต้องการใช่ไหม เขาบอกว่า
“แต่มันไม่ง่าย ไม่มีอะไรง่าย”
เขาพูดต่อ
“คนเอาแต่พูดกับผมว่า ‘คุณคงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในเกาหลี’ แต่ในความคิดของผม ผมไม่ได้มีความสุข ผมลำบากในทุกวันและทุกคืน”
ในตอนนี้ดูเหมือนฮวังดงฮยอกจะประสบความสำเร็จจากผลงานของเขา แต่เส้นทางการเป็นผู้กำกับของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พ่อของเขาเสียชีวิตตอนที่เขาอายุได้ 5 ขวบ เขาเล่าว่าครอบครัวของเขาต้องตกอยู่กับความยากจน และด้วยอุปสรรคในการทำหนังรวมถึงเป็นหนี้ ฮวังดงฮยอกบอกว่าเขาคลายเครียดด้วยการอ่านหนังสือการ์ตูน
“ผมอ่านแนวเกมเซอร์ไววัลและการพนันเยอะมาก”
เขาพูดต่อ
“มันทำให้ผมคิดว่า ถ้าผมเอาเกมในวัยเด็กมาเป็นเกมที่คนต้องเล่นโดยแลกด้วยชีวิตเพื่อแลกเงินรางวัลก้อนใหญ่จะเป็นไง? และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่เกิดไอเดีย”
ในเรื่อง “Squid Game” คนต้องเสี่ยงตายเพื่อให้ได้เงินรางวัล ซึ่งเกมนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นความบันเทิงของผู้คนที่ร่ำรวย เมื่อถามว่า “Squid Game” คือการสะท้อนความคิดต่อระบบทุนนิยมของเขาหรือไม่ ฮวังดงฮยอกบอกว่า
“ผมคิดว่าสิ่งพื้นฐานที่ขับเคลื่อนระบบนี้คือความเห็นแก่ตัวและโลภของมนุษย์ ทุกวันนี้ผมมองคนในแง่ร้ายมากขึ้น ผมถึงกับคิดบ่อยๆว่าสำหรับสปีชีส์โฮโมเซเปียนส์ ความโลภเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาสร้างสังคมที่พวกเขารู้สึกว่าอยู่แล้วรู้สึกสบาย”
สำหรับในซีซั่น 2 นี้มีตัวละครใหม่หลายตัวละคร เนื่องจากฮวังดงฮยอกฆ่าตัวละคนส่วนใหญ่ในซีซั่น 1 ไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม กีฮุน (รับบทโดย อีจองแจ) จะกลับมาอีกครั้งเพื่อทำลายเกมในซีซั่น 2
ฮวังดงฮยอกบอกว่า “Squid Game” ซีซั่น 2 และ 3 จะแสดงให้เห็นถึงก้นบึ้งของโลกใบนี้ รวมถึงก้นบึ้งของมนุษย์
เมื่อถามว่าจะมีความดาร์กกว่าซีซั่นแรกหรือไม่ ผู้กำกับบอกว่า
“ใช่ จะดาร์กกว่า ไต่ระดับขึ้นตามแต่ละตอน”
และเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการจัดอีเว้นท์ Squid Game ในปารีสที่มีผู้เข้าร่วมแข่งขันเกม 50,000 คน (แต่ไม่ได้เล่นกันถึงตาย) โดยมีรางวัลเป็นการที่ได้รับชมซีซั่นใหม่ก่อนใคร
ฮวังดงฮยอกได้พูดถึงความสำเร็จของซีรีส์ของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ ที่ผู้ชมไม่ค่อยนิยมดูหนังที่มีซับไตเติ้ล
“ผมหวังอยู่เสมอว่าจะทำโปรเจคที่จะได้รับความนิยมในสหรัฐฯ ผมเลยตกใจมาก”
เขาพูดต่อ
“ในขณะเดียวกัน มันก็เหมือนกับความฝันของผมเป็นจริง แต่ระดับความสำเร็จไปไกลกว่าที่ผมคาดไว้”
แต่สิ่งที่น่าขำก็คือ ผู้สร้างผลงานที่ถ่ายทอดยุคมืดของมนุษย์ที่เกิดจากความยากจน กลับเป็นคนที่ร่ำรวยไปแล้วในตอนนี้ เมื่อถามว่าตัวเขาเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่ ฮวังดงฮยอกบอกว่า
“ไม่มากเท่าไหร่ แน่นอนว่ามันทำให้ชีวิตของผมดีขึ้น เพราะว่าผมไม่ต้องกังวลเรื่องหาเงินอีกแล้ว แต่นั่นแหละ ผมไม่คิดว่าผมเปลี่ยนไปเพราะความสำเร็จหรือเงิน เพราะว่ามันก็แค่ตัวเลข มันไม่ได้มีความหมายอะไรกับผมเลย”
“มันเหมือนกับว่าตลอด 5 ปี ผมทำงานกับโปรเจคเดียวมาวันแล้ววันเล่า ผมเหนื่อยมาก คือเหนื่อยจริงๆ คุณเข้าใจใช่ไหม?”
เขาหัวเราะและพูดต่อ
“ผมอยากพัก ผมอยากพัก”
เมื่อถามว่าเขามีวิธีพักจากการทำงานยังไง ฮวังดงฮยอกบอกว่า
“เพื่อนของผม! ผมชอบคุยกับเพื่อนๆและดื่มเบียร์ด้วยกัน”
