เรื่องย่อซีรีส์ The Law Cafe (2022)

You are currently viewing เรื่องย่อซีรีส์ The Law Cafe (2022)

The Law Cafe ดัดแปลงจากนิยายออนไลน์ชื่อเดียวกัน เป็นซีรีส์ Viu Original เล่าเรื่องโรแมนติกคอมเมดี้ระหว่าง คิมจองโฮ (รับบทโดย อีซึงกิ (Lee Seung Gi) อดีตอัยการอัจฉริยะที่ผันตัวมาเจ้าของตึกที่เปิดให้คนเช่า และ คิมยูรี (รับบทโดย อีเซยอง) ทนายความสุดมั่นที่มาเป็นผู้เช่าใหม่ของเขา

ซีรีส์เรื่องนี้ถือเป็นซีรีส์คัมแบคของ อีเซยอง นับตั้งแต่ฝากฝีมือไว้ในซีรีส์เรื่องฮิต The Red Sleeve และเป็นการกลับมาร่วมงานกับอีซึงกิอีกครั้งหลังจากเรื่อง Hwayugi เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ติดตามได้ที่ Viu เท่านั้น

พรีวิว The Law Café

จันทร์-อังคาร ไม่มีเหงา
เพราะเรามี The Law Cafe

เป็นการคัมแบ็คของอีซึงกิ เจ้าชายแห่งวงการรอมคอม พลิกบทจากฆาตกรโรคจิต สู่อดีตอัยการ เจ้าของตึกสุดอัจฉริยะ กับซีรีส์รอมคอม สบายๆ รับวันจันทร์-อังคาร

เป็นเรื่องราวชวนหัวปวด ของอดีต 2 เพื่อนรัก/คนเคยรัก ที่ต้องจับพลัดจับผลูมาอาศัยร่วมตึกเดียวกัน เมือคิมยูริ ทนายสาวสุดเฟี๊ยซ ตัดสินใจจะเปิดคาเฟ่รับปรึกษาคดีให้ชาวบ้าน โดยบังเอิญไปเช่าตึกของคิมจองโฮ อดีตเพื่อนรักเข้า

ทั้งเรื่องหัวใจ และเรื่องคดีเลยมาปังเอาพร้อมๆกัน

เป็นซีรีส์ที่พาขำไม่หยุด กับความมั่นของยูริที่พยายามจะล่อลวงหัวใจของจองโฮ ไหนจะหนุ่มๆ ในคาเฟที่จะมาสร้างสีสันให้การสืบคดีของพวกเขาอีก

การันตีความสนุก ป่วนๆ ไม่ปวดสมอง

Review The Law Café EP.1-2

The Law Cafe, Lee Seung Gi , Lee Se Young ,ReviewEp.1-2

เปิดตัวมาแล้ว 2 ตอนแรก กับซีรีส์เรื่องใหม่จากช่อง KBS เรื่อง The Law Cafe ซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่เดินเรื่องโดยใช้คอนเซปต์ “คาเฟ่กฎหมาย” มาเป็นภาพจำของเรื่อง นำแสดงโดย อีซึงกิ และอีเซยอง สองพระนางที่กลับมาพบกันในรอบ 4 ปี เหมือนกับตัวละครสองตัวในซีรีส์ที่โชคชะตาพาให้ทั้งคู่กลับมาเจอกันโดยบังเอิญในตึกเช่าของ “คิมจองโฮ”


หลังจากดูจบไป 2 ตอน เราคิดว่าจุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ คือ เคมีระหว่าง อีซึงกิ และอีเซยอง นี่แหละ ที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ และน่าติดตาม ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะกลับมาสานต่อความรู้สึกที่เคยมีต่อกันได้ยังไง โดยในเรื่องนี้ซีรีส์ใช้วิธีให้ตัวละครคุยกับกล้อง เหมือนพูดกับผู้ชมในฐานะคนคอยติดตามเรื่องราวเลย ว่าแต่ละคนมีมุมมองยังไงกับเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น


โดยใน 2 ตอนแรก ซีรีส์จะเล่าถึงเส้นทางของสองตัวละคร เริ่มจากฝั่งของ “คิมยูริ” ที่อยู่ดีๆ ก็ตัดสินใจลาออกจากสำนักงานทนายความ เพื่อมาเปิดคาเฟ่กฎหมายให้คนทั่วไป มาซื้อกาแฟพร้อมกับขอรับคำปรึกษาไปได้ แต่ปัญหาคือ ตึกที่เธอตัดสินใจจะเช่า ดันเป็นตึกที่ “คิมจองโฮ” อดีตคนรักของเธอสมัยมหาวิทยาลัยเป็นเจ้าของ เรื่องราวความไม่ลงรอยกัน และการชวนทะเลาะด้วยข้อกฎหมาย บวกกับคาแรคเตอร์ซึนๆ เป็นห่วงกัน อยากเจอกัน แต่ก็ไม่พูดกันไปตรงๆ ยิ่งทำให้ผู้ชมต้องลุ้นกันหนักมาก ว่าเมื่อไหร่คู่นี้จะลงเอยกันสักที


ใครเป็นแฟนซีรีส์สายโรแมนติกคอมเมดี้ปักหมุดเรื่องนี้ไว้ ไม่ผิดหวังแน่นอน

Review The Law Café EP.3-4

ยืนหนึ่งซีรีส์แนะนำสำหรับสายโรแมนติกคอมเมดี้ตอนนี้ ต้องเรื่องนี้เลย The Law Café นำแสดงโดย อีซึงกิ และ อีเซยอง เรื่องราวของอดีตคู่รัก ที่กลับมาพบกันในสถานะเจ้าของตึก กับผู้เช่า


โดยแต่ละ EP ซีรีส์จะมีประเด็นเรื่องกฎหมายมมาเป็นตัวเดินเรื่อง ให้ตัวละครอย่าง คิมจองโฮ และ คิมยูริ ต้องมาร่วมมือกันคลี่คลายปัญหา และช่วยเหลือกันและกันจนเกิดเป็นความรู้สึกครั้งใหม่ ที่ชวนให้ใจเต้นแรงกว่าเดิม


สำหรับสัปดาห์นี้ซีรีส์ก็เดินทางมาถึง 4 EP แล้ว บอกเลยว่า ใครเสียน้ำตาง่าย เรื่องความรุนแรงในครอบครัว มีอินตามจนต้องน้ำตาซึมแน่นอน เพราะทุกคนแสดงดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงเด็กที่ต้องมารับบทเหยื่อความรุนแรงในเรื่อง และ คิมยูริ รับบทโดย “อีเซยอง” ที่สามารถส่งพลังความรัก ความห่วงใยออกมาได้แบบอบอุ่นมากๆ


และสุดท้ายจุดเด่นที่สุดของซีรีส์เรื่องนี้ ก็คือ ความตรงไปตรงมาระหว่าง คิมจองโฮ กับ คิมยูริ ในฉากสุดท้ายของ EP.4 นี่แหละ ไม่ต้องมาลุ้น มาเดาใจ หรือมาแอบชอบแล้ว จังหวะนี้ คือ อยากเป็นมากกว่าพี่น้อง อยากจูบ อยากกอด ยูริ ของเราก็ขอ จองโฮ แบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมไปเลย ซึ่งจะว่าไปก็ดีไปอีกแบบ ที่เราจะได้โฟกัสที่ความรู้สึกของ จองโฮ กับ ยูริ ไปเลย ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะผ่านเรื่องราวต่างๆที่กำลังจะเข้ามา และลงเอยด้วยกันได้ยังไง

Review The Law Café EP.5-6

The Law Cafe, Lee Seung Gi , Lee Se Young ,ReviewEp.5-6 , รีวิว The Law Cafe

ผ่านไป 6 ตอนแล้ว ใครยังไม่ได้มาดูความน่ารักของ อีเซยอง ในซีรีส์เรื่อง The Law Café คือพลาดมากจริงๆ เพราะเรื่องนี้ มาแบบนัมเบอร์วันด้านการเต๊าะผู้ชายเลย หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้วปิดท้ายไปด้วยการขโมยจูบมาจาก “คิมจองโฮ” พร้อมกับบอกว่าอยากเป็นมากกว่าพี่น้อง เล่นเอา จองโฮ ถึงกับตั้งตัวไม่ถูก ว่าจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไง จนสุดท้าย จองโฮ ก็ตัดสินใจไม่ฝืนความรู้สึกตัวเองอีกต่อไป พยายามอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยเหลือ คอยซัพพอร์ต ยูริ ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้กับเธอ
.
ทางฝั่งของ ยูริ หลังจากพูดความในใจออกไปแบบนั้น ก็พยายามหาคำตอบอยู่เหมือนกันว่าเริ่มชอบ จองโฮ ตอนไหน ถึงได้มีอาการคลั่งหนุ่มใส่เสื้อวอร์มมากขนาดนี้ จุดนี้ขอชมเลยว่า อีเซยอง ดึงความเป็น คิมยูริ ออกมาได้สมบูรณ์แบบจริงๆ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นคนพูดอะไรออกไปด้วยความรู้สึกที่มี ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์รัก เสียใจ โกรธ หรือผิดหวัง ยูริ ไม่เคยปิดบังว่าไม่รู้สึกเลย แต่เธอจะมีวิธีเยียวยาตัวเอง พาตัวเองกลับมาได้เสมอ
.
อีกหนึ่งฉากที่เรารู้สึกว่าซีรีส์ทำให้เราเห็นความเป็นผู้หญิงคิดบวกของ ยูริ ก็คือฉากที่เธอนั่งข้างต้นไม้แล้วพูดกับพ่อถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามา ในฉากนั้น ยูริ บอกกับพ่อว่า “ถึงจะคิดถึงพ่อแค่ไหน หนูก็ฮึดใช้ชีวิตเต็มที่เลยนะ ขนาดโดนผู้ชายเทก็กินข้าวกินปลาไม่เคยขาด โกรธคนทั้งโลกแค่ไหนก็ยังเลือกชุดสวยๆมาใส่ หนูทำดีแล้วใช่ไหม” เป็นคำพูดที่ฟังแล้วทำเอาผู้ชมอย่างเรา อยากไปกอดปลอบใจตัวละครนี้เลย ว่าเก่งมากแล้ว เติบโตมาได้อย่างดีจริงๆ
.
ไม่แปลกใจเลย ที่ฉากโต๊ะกินข้าวระหว่าง จองโฮ กับ ยูริ เขาจะตัดสินใจพูดกับเธอว่า ฉันไปจากเธอไม่ได้ ต่อให้เธอเกลียดขี้หน้าฉัน บอกให้ฉันไสหัวไป ฉันก็ไปจากเธอไม่ได้ เพราะสำหรับ จองโฮ ที่เฝ้ามอง ยูริ มาตลอด เขาเห็นเธอทั้งในมุมที่เข้มแข็ง และมุมที่อ่อนแอ ซึ่งบนโลกนี้ ก็คงมีแค่เขาคนเดียว ที่จะเข้าใจสิ่งที่ ยูริ ต้องการ

Review The Law Café EP. 7-8

ลืมซีรีส์กฎหมายที่เต็มไปด้วยศัพท์เทคนิค พูดกันไฟแลบในชั้นศาลไปได้เลย สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ เพราะนับวันจะมีแต่เพิ่มดีกรีความตลกขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะตอนล่าสุดที่ “คิมยูริ” รับบทโดย อีเซยอง ถึงกับหลุดโลก สวมบทคนเมากัญชาได้แบบสมจริงสุดๆ ทำเอา จองโฮ ถึงกับ งง จนทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่า ยูริ โดนตัวไหนเข้าไป จนในที่สุดก็มีเฉลยออกมาว่า ยูริ เผลอไปกินต๊อกผสมกัญชาเข้าแบบเต็มปากเต็มคำ
.
แต่ถึงจะขายขำขนาดนี้ ก็อย่าเพิ่งคิดว่าซีรีส์จะลืมเส้นเรื่องหลักไป เพราะแต่ละคดีความที่ถูกหยิบมาใช้ในเรื่อง จะมีจุดเชื่อมโยงไปหาความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเสมอ ยกตัวอย่างเด็กที่ถูกบูลลี่ในโรงเรียน ซีรีส์ก็เชื่อมโยงไปหาความรู้สึกที่ จองโฮ มีต่อ ยูริ และความห่วงใยที่ ยูริ มีให้กับ จองโฮ จนเกิดเป็นซีนประทับใจช่วงท้าย EP.7 ที่ทำให้ จองโฮ ต้องหนีหน้า ยูริ เพื่อไปทบทวนตัวเองใน EP.8
.
ซึ่งจุดนี้เองที่นำไปสู่เหตุการณ์บนเกาะซุงพยอง ที่จองโฮ กับ ยูริ ต้องไปอยู่บนเกาะด้วยกัน เพื่อให้คำปรึกษาทางกฎหมาย และช่วยให้คุณยายกับเพื่อนคืนดีกัน จนเกิดเป็นซีนที่ ยูริ เมากัญชาใน EP.8 ทำเอาวุ่นวายกันไปทั้งเกาะอยู่นาน ซึ่งหลังจบจากเหตุการณ์นั้น ยูริ ก็รู้เรื่องข่าวการทุจริตของพ่อ จองโฮ ทำให้เธอเริ่มเข้าใจถึงความรู้สึกที่ผู้ชายคนนี้มีต่อเธอ จนต้องหลบหน้าหายไปหลายวัน

Review The Law Café EP. 9-10

เป็นสัปดาห์ที่บรรยากาศค่อนข้างอึมครึมระหว่าง ยูริ กับ จองโฮ หลังจากที่ ยูริ รู้ความจริงเรื่องที่ จองโฮ ปิดบังเธอมาตลอด ทำให้เธอตัดสินใจจะทำตัวเย็นชาใส่เขา ไม่ยอมให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดีที่เธอทำ

ทำให้ จองโฮ ที่เห็นความรู้สึกของ ยูริ เปลี่ยนแปลงไป ตัดสินใจสารภาพความจริงกับเธอไปตรงๆ สถานการณ์ของทั้งคู่ถึงเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทางมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ปลดล็อกความรู้สึกไปทั้งหมด เพราะในความรู้สึกของ ยูริ เธอคิดว่า จองโฮ ปิดบังเรื่องนี้มานานเกินไป แถมยังไม่ยอมพูดความจริงเมื่อมีโอกาส จนเธอต้องมารู้ด้วยตัวเอง

ใน EP.10 ซีรีส์เลยใส่ฉาก ยูริเมา เพื่อเปิดโอกาสให้ความรู้สึกในใจของ ยูริ เปิดเผยออกมา แต่คนอย่าง จองโฮ ก็ไม่ฉวยโอกาสเหมือนกัน เพราะเขารู้ดีว่า ยูริ ยังไม่ได้ให้อภัยด้วยความรู้สึกของเธอจริงๆ สุดท้ายคำพูดที่ปลดล็อกความรู้สึกนางเอกของเรา ก็ไม่ได้มาจากใครที่ไหน แต่มาจากแม่ของเธอ ที่เตือนสติ ยูริ ว่า พ่อคงไม่อยากให้ความโกรธแค้นเป็นสิ่งเดียวที่เขาทิ้งไว้ให้กับลูกสาวของตัวเอง

ในช่วงสุดท้ายของ EP.10 เราเลยได้เห็นบทสนทนาระหว่าง ยูริ กับ จองโฮ ที่ตั้งใจจะกำจัดความรู้สึกผิด และความรู้สึกโกรธแค้นที่อยู่ในใจของเขากับเธอ เพราะลึกๆ แล้วในใจของ ยูริ ก็ไม่อยากให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 17 ปีก่อน กลายมาเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอกับ จองโฮ ต้องแยกจากกัน

Review The Law Café EP. 11-12

ใครยังตามดูซีรีส์เรื่อง The Law Café เหมือนกันบ้าง? สัปดาห์นี้ทีมยูริยิ้มแก้มแตกแน่นอน เพราะในที่สุด จองโฮ กับ ยูริ ก็เคลียร์ใจกันสำเร็จแล้ว หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ยูริทำตัวเย็นชาใส่ตลอด เพราะเรื่องราวในอดีต ที่ทิ้งท้ายไว้ด้วยฉากคำสัญญาของทั้งสองคนว่าจะมูฟออนผ่านเรื่องราวในอดีตที่เจ็บปวดนี้ไปด้วยกัน
.
ในสัปดาห์นี้ ซีรีส์กลับมาทำให้เราใจฟูกันอีกครั้งด้วยโมเมนต์สำคัญๆ ระหว่างตัวละครทั้งสองคน ที่มีเรื่องราวของคนรอบตัวเป็นส่วนช่วยให้ทั้งคู่ได้ร่วมมือกันก้าวผ่านความรู้สึกต่างๆในใจ โดยเฉพาะเรื่องที่ ยูริ ถูกคนร้ายลักพาตัวไป ที่ทำให้ จองโฮ กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นแบบ ดายอง สตอลก์เกอร์ที่คอยตามหมอพัค จนเกิดความเสี่ยงต่อชีวิตของ ยูริ
.
จุดที่น่าสนใจ คือ ไม่ว่า จองโฮ จะดูหวั่นไหวแค่ไหน และกลัวความรู้สึกของตัวเองมากเพียงใด ยูริ จะเป็นคนคอยให้ความเชื่อมั่น และสัญญากับ จองโฮ เสมอ ว่าเธอสามารถดูแลตัวเองได้ ความรู้สึกที่เธอมีต่อ จองโฮ คือ ความรักที่อยากให้ จองโฮ มาอยู่เคียงข้างจริง ๆ ไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากให้ จองโฮ มาคอยปกป้อง มาคอยดูแลเหมือนเธอยังเป็นเด็กอยู่
.
ซึ่งในที่สุด ช่วงสุดท้ายของ EP.12 ซีรีส์ก็มอบฉากปิดท้ายที่ยังคงคอนเซปต์ “ตัวรุก” ไว้ให้กับ ยูริ เหมือนเคย หลังจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่จบกันไปแบบค้างคามานานหลายปี และคำพูดของหมอพัค ที่เราชอบมากใน EP นี้ คือ คำเปรียบเทียบที่บอกว่า “เรื่องบางเรื่องก็เลี่ยงไม่ได้ อย่างเวลาฝนตก แต่ตราบใดที่เรามีคนคอยเป็นร่มให้ ถึงจะเปียกนิดหน่อย ก็น่าจะรอดพ้นสายฝนไปได้นะครับ” ซึ่งสำหรับ ยูริ และจองโฮ ทั้งคู่ต่างก็ทำหน้าที่เป็นเหมือน “ร่ม” คอยกันสายฝนให้กันตลอดเวลา

The Law Café สรุปภาพรวม

เวลาพูดถึงซีรีส์กฎหมาย หลายคนอาจจะติดภาพเนื้อหาที่หนัก และดูจริงจัง ว่าความกันในศาลตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมาก็มีซีรีส์กฎหมายมากมาย ที่พิสูจน์แล้วว่า ถ้าผู้กำกับ และคนเขียนบท สามารถวางโครงเรื่องได้ดี มีฉากที่สมเหตุผล และส่งเสริมพัฒนาการของตัวละคร เนื้อหากฎหมายที่ดูหนัก ก็จะกลายเป็นเบาไปเลย

ซีรีส์เรื่อง The Law Café เป็นอีกตัวอย่างของซีรีส์กฎหมายที่ประสบความสำเร็จในการพาตัวเองออกมาจากความตึงเครียดนั้น เพราะแกนหลักของเรื่อง เน้นไปที่ความสัมพันธ์ที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งระหว่าง “จองโฮ” กับ “ยูริ” มากกว่า ซึ่งก็เป็นไปตามสูตรของซีรีส์แนวรอมคอม ที่พระเอกกับนางเอก ต้องมีปะทะคารม มีปมความขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นระหว่างกันก่อนจะเดินทางมาถึงบทสรุปของเรื่อง

The Law Café ใช้จุดเด่นของตัวเอง เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง จองโฮ กับ ยูริ ที่อยู่ดี ๆ ก็กลับมาเกี่ยวข้องกันอีกครั้ง ในฐานะเจ้าของตึก กับผู้เช่า ที่การกลับมาพบกัน ได้ตอกย้ำให้พวกเขารู้ว่าหัวใจของตัวเองต้องการอะไร และช่วงเวลาที่ผ่านไป พวกเขาทำพลาดเรื่องไหนบ้าง

เรื่องราวทั้งหมดนี้ถูกบอกเล่า ด้วยการสอดแทรกผ่านคดีต่าง ๆ ที่แวะเวียนมาให้ ยูริ ช่วยแก้ปัญหา โดยมี จองโฮ คอยช่วยเหลือ และติดตามอยู่ไม่ห่าง รวมถึงเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้สารภาพความรู้สึกในใจ และเรื่องราวที่ปิดบังกันไว้ จนกลายเป็นบาดแผลระหว่างกัน ซึ่งในแต่ละ EP ซีรีส์จะมีเรื่องราวดี ๆ คำพูดดี ๆ จากตัวละคร คอยส่งผ่านมาให้ผู้ชมตลอดเวลา

ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ออกแบบมาได้น่ารักมากอีกหนึ่งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวละคร หรือเนื้อหาเชิงกฎหมายที่ไม่หนักมากเกินไป ใครรอดูจบรวดเดียว 16 ตอน รับชมได้เลยที่ Viu

Leave a Reply