อิมซังชุนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักกับความสามารถในการเล่าเรื่องราวที่มีมนุษยธรรมอย่างลึกซึ้ง
ซีรีส์เรื่อง When Life Gives You Tangerines ทาง Netflix นำแสดงโดยไอยูและพัคโบกอมเป็นซีรีส์ดราม่าสุดเศร้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่สวยงามแต่โหดร้ายของผู้หญิง 3 รุ่น ทั้งแม่ของแอซุน, แอซุน และลูกสาวของแอซุน เริ่มตั้งแต่ปี 1960-ปัจจุบัน โดยมีฉากหลังเป็นเกาะเชจู
ในสังคมเกาหลีที่เต็มไปด้วยสังคมชายเป็นใหญ่ แม่ของแอซุนซึ่งเป็นผู้หญิงที่มีความเข้มแข็งไม่ย่อท้อได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะปกป้องลูกสาวจากชีวิตที่แสนจะกดดันของ “แฮนนยอ” (นักดำน้ำหญิง) ส่วนแอซุน (รับบทโดยไอยู) กวีสาวผู้เป็นดั่งดวงใจแม่ เผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้ายจากความยากจน เธอต้องทิ้งความฝันที่จะเรียนมาลัย แต่กลับปลูกฝังความเชื่อในตัวกึมมยอง (รับบทโดยไอยู) ลูกสาวของเธอเองว่าลูกสามารถประสบความสำเร็จได้
ในตอนหนึ่ง เมื่อแอซุนเอารถสามล้อกลับบ้านมาให้ลูกสาว แม่สามีพูดกับเธอว่า “ผู้หญิงปั่นจักรยานจะมีประโยชน์อะไร” และยืนกรานว่าจะขายเอาเงิน แอซุนแย้งว่า “ถ้าลูกขี่จักรยานสามล้อไม่เป็น ลูกก็จะใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่แต่ในครัว ฉันอยากให้ลูกมีทุกอย่าง ฉันไม่อยากให้ลูกจัดโต๊ะ ฉันอยากให้ลูกเป็นคนพลิกโต๊ะเอง”
กึมมยองเรียนเอกภาษาอังกฤษที่มลัยแห่งชาติโซล เธอมีความทะเยอทะยานมุ่งมั่นสร้างเส้นทางของตัวเอง แม้จะประสบปัญหาทางการเงินมาตลอด
ซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทอดความสวยงามและความยากลำบากของผู้หญิง 3 รุ่น โดยดำเนินเรื่องผ่าน 4 ฤดูบนเกาะเชจู ซึ่งเป็นการเปรียบถึงธรรมชาติของวัฏจักรชีวิต
ตอนล่าสุด 4 ตอนที่ปล่อยมาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ถ่ายทอดเรื่องราวของ “ฤดูร้อน” ในตอนที่ชื่อว่า “ชีวิตดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ” แอซุนและกวานชิก (รับบทโดยพัคโบกอม) สูญเสียลูกชายคนเล็กไปกับคลื่นลมแรงที่เชจูในช่วงพายุเข้า พวกเขารู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องลูกได้ จึงไม่กินข้าว เมื่อความเศร้าเริ่มส่งผลต่อลูกคนอื่น ๆ พวกเขาจึงตระหนักว่าตนเองได้ทำลายชีวิตของลูก ๆ เช่นกัน ในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง ชาวบ้านช่วยดูแลลูก ๆ ของพวกเขาเหมือนเป็นลูกของตัวเอง การตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้ช่วยให้ทั้งคู่กลับมาเข้มแข็งและก้าวเดินต่อไปได้ ทำให้ผู้ชมร้องไห้และซาบซึ้ง
ซีรีส์เรื่องนี้ยังจุดประกายความสนใจในตัวนักเขียนผู้สันโดษซึ่งรู้จักกันในนามปากกาอิมซังชุน แม้ว่าเธอจะมีอิทธิพลมากขึ้นในอุตสาหกรรม แต่อิมซังชุนก็ยังคงไม่เปิดเผยตัวตนตั้งแต่เดบิวท์ในปี 2013 นิสัยเก็บตัวของเธอทำให้คนสนใจอย่างมาก
โดยปกติเธอจะเลี่ยงการสัมภาษณ์และเก็บความลับเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเธอ โดยเปิดเผยข้อมูลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในการสัมภาษณ์ครั้งก่อน เธอกล่าวว่า “ฉันไม่คิดว่าเป็นเรื่องดีที่นักเขียนจะต้องอยู่หน้าผลงาน ฉันอยากอยู่ในบทบาทที่ต้องนำเสนอเรื่องราวให้ผู้ชมได้รู้” เธอเลือกที่จะไม่เปิดเผยอายุ, ใบหน้า หรือชื่อจริง
จากเบาะแสเพียงเล็กน้อยจากการสัมภาษณ์ในปี 2017 ระหว่างซีรีส์เรื่อง “Fight For My Way” เชื่อกันว่าเธอเป็นนักเขียนหญิงที่เรียนรู้ด้วยตัวเอง เธออายุ 40 ต้น ๆ และเริ่มอาชีพนักเขียนบทเมื่ออายุ 20 ปลาย ๆ
จากเพชรเม็ดงามที่ซ่อนอยู่สู่นักเล่าเรื่องระดับปรมาจารย์
นักเขียนอิมซังชุนได้สร้างอาณาจักรอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอด้วยการนำเสนอซีรีส์ที่เข้าถึงได้ทั่วโลก เธอได้รับการยกย่องว่ามีพลังในการเล่าเรื่องที่ดึงความพิเศษออกมาจากเรื่องราวของคนธรรมดา
เธอเริ่มสร้างกระแสในปี 2013 ด้วยการชนะรางวัลจากการแข่งขันบทซีรีส์ด้วยผลงานเรื่อง “Samchungi” Samchungi แปลว่า “ความฝันที่เบ่งบานในวัย 30” เป็นที่รู้กันว่าเป็นแนวคิดดั้งเดิมของซีรีส์ฮิตทางช่อง KBS ในปี 2017 เรื่อง “Fight for My Way” ซึ่งอิมซังชุนเขียนบทให้
ในปี 2014 อิมซังชุนชนะการแข่งขันบทซีรีส์ของ MBC และแดบิวท์ด้วยซีรีส์สั้นเรื่อง “Lump in My Life” ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับคำชมว่าถ่ายทอดพลวัตในครอบครัวระหว่างปู่แก่ ๆ ที่หยาบกระด้างกับหลานสาวได้อย่างละเอียดอ่อน หลานสาวเป็นภาระของครอบครัวโดยไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่เด็ก เมื่อพวกเขาถูกบังคับให้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน พวกเขาต้องเผชิญกับความแค้น, ความขัดแย้ง, การปรองดอง และความรัก
ซีรีส์เรื่อง “Becky’s Back” (2016) ทางช่อง KBS มีความยาว 4 ตอน ทำให้อิมซังชุนเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่องบนเกาะ Seomwol อันเงียบสงบ การกลับมาของอดีตนักแสดง “Scarlett O’Hara” บนเกาะอย่างยังแบคฮีหรือที่รู้จักกันในชื่อ Becky พร้อมกับลูกสาวหลังจากห่างหายไป 18 ปี การหาพ่อของเด็ทำให้เกิดความโกลาหลสุดตลก เมื่อชาย 3 คนที่มีความเกี่ยวพันในอดีตกับแบคฮีได้สืบเรื่องพ่อแม่ของอกฮีตามแบบของตน จนถูกนำไปเปรียบกับ “Mamma Mia” เวอร์ชั่นเกาหลี
ซีรีส์เรื่องนี้เล่าถึงการเยียวยา, การค้นหาความเจ็บปวดในอดีตของแบคฮี, เหตุการณ์ที่ทำให้เธอออกจากเกาะ และพลังแห่งการไถ่บาปในชุมชน แม้ว่าในตอนแรกซีรีส์เรื่องนี้จะคิดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวสำรอง แต่กลับประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย ได้เรตติ้งสูงและได้รับเสียงชมจากการบรรยายถึงความรักและการไถ่บาปตลอดชีวิตได้อย่างน่าประทับใจ
ผลงานชิ้นนี้วางรากฐานให้อิมซังชุนได้เขียนซีรีส์เรื่องอื่น ๆ ให้กับ KBS ทั้ง “Fight for My Way” (2017) และ “When the Camellia Blooms” (2019)
“Fight for My Way” เป็นซีรีส์ยาวเรื่องเรื่องแรกของอิมซัฃงชุน นำแสดงโดยพัคซอจุนและคิมจีวอน เรื่องราวเกี่ยวกับคนหนุ่มสาว 4 คนที่ถูกปฏิบัติเหมือน “เด็กป. 2” เพราะความยากจนและไม่มีคุณสมบัติมากพอ
ความรักที่พวกเขามีต่อกันเมื่อเผชิญกับความยากลำบากทำให้ผู้ชมมีความสุข พวกเขาหลุดพ้นจากความเป็นจริงและค้นพบเสียงของตัวเอง ซีรีส์เรื่องนี้ให้กำลังใจคนที่เหน็ดเหนื่อย, ผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้าและโอบรับจิตวิญญาณของคนวัยหนุ่มสาวด้วยการเสี่ยงโชค
“When the Camellia Blooms” ถูกชมว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของนักเขียนอิมซังชุนที่นำปรัชญาของเธอไปไกล ซีรีส์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความรักผ่านฮวังยงชิก (รับบทโดยคังฮานึล) ที่คอยสนับสนุนโอดงแบค (รับบทโดยกงฮโยจิน) แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องเผชิญกับความเหงาและอคติจากคนอื่น แม้จะถูกชาวบ้านตัดสินอย่างเจ็บปวด แต่ดงแบคก็หาความสงบสุขได้จากเพื่อนบ้านที่คอยสนับสนุนเธออย่างเงียบ ๆ
ความรักของแม่อย่างดงแบคและความรักบริสุทธิ์ของยงชิกทำให้แฟนซีรีส์หัวเราะและร้องไห้ ด้วยการผสมระหว่างความโรแมนติและความตื่นเต้น ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีเรตติ้งมากกว่า 20% ซึ่งทำให้อิมซังชุนกลายเป็นนักเขียนซีรีส์ที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของเกาหลี
การนำรหัสทางสังคมมาผสมกับ melodrama
นักวิจารณ์วัฒนธรรมจองด็อกฮยอนบอกว่าอิมซังชุนเป็นนักเขียนที่เริ่มเอาประเด็นทางสังคมมาผสมกับ melodrama ก่อนหน้านี้มักจะเน้นไปที่ความรักขอฃงแต่ละตัวละครเป็นหลัก
“ซีรีส์แนว melodrama ที่เรียกว่า ‘ melodrama แนวสังคม’ เป็นการบอกเล่าความรักในบริบทของสังคมหรือชนชั้น และพูดถึงปัญหาของกลุ่มชนกลุ่มน้อยในสังคมและการเลือกปฏิบัติ ลิมซังชุนเป็นตัวอย่างที่ดี” เขากล่าว
“’Fight for My Way’ ของเธอถ่ายทอดการต่อสู้ชีวิตแลความร่าเริงของหัวใจหนุ่มสาวที่บุกเบิกเส้นทางของตนเอง ท้าทายโลกที่มองว่าพวกเขาเป็น ‘8omujด้อยกว่า’ และใน ‘When the Camellia Blooms’ เธอได้มอบวิสัยทัศน์ของชุมชนที่ลึกซึ้งแก่เรา ความรักเอาชนะอคติได้ เรื่องราวอันแสนอ่อนโยนของความรู้สึกผูกพันที่เกิดจากความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด”
“When Life Gives You Tangerines” เป็นเรื่องราวที่เล่าถึงคุณลักษณะทั้งหมดของเรื่องราวของอิมซังชุน ทั้งความอดทน, ความผูกพันระหว่างมนุษย์ และความเข้มแข็งในการท้าทายสถานะเก่า ๆ ของตัวเอง
ซีรีส์เรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวของแอมซุนที่สดใสและดื้อรั้น เธออยากหนีจากเกาะเชจู แต่กลับติดอยู่ในวังวนที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เธอถูกบังคับให้ประนีประนอมกับความเป็นจริง และมีกวานชิกผู้มั่นคงอยู่เคียงข้าง แม้ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่แอซุนและกวานชิกก็มีเพื่อนบ้านที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจพวกเขาอย่างจริงใจ พวกเขาสูญเสียลูกและดิ้นรนเพื่อค้นหาความหมายในชีวิต เพื่อนบ้านก็ยังให้ความช่วยเหลืออย่างเงียบ ๆ ถึงคำพูดของเพือ่นบ้านอาจจะดูหยาบกระด้าง แต่หัวใจของเพื่อนบ้านกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ตามคำกล่าวที่ว่า “เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดดีกว่าญาติห่าง ๆ” ซีรีส์เรื่องนี้ย้ำถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์
ธีมความรักที่นิยมไปทั่วโลก
ในซีรีส์เรื่องนี้ ไอยูรับ 2 บทคือกึมมยอง ลูกสาวของแอซุนและแอซุนสมัยวัยรุ่น โดยนักแสดงมุนโซรีรับบทเป็นแอซุนวัยกลางคน
นักวิจารณ์จองด็อกฮยอนบอกว่าการที่ไอยูเล่น 2 บทเป็นการเคลื่อนไหวที่ฉลาดสำหรับซีรีส์เรื่องนี้
“ไม่ใช่แค่เพียงนักแสดงคนเดียวที่เล่น 2 บทเพื่อความสะดวก แต่ต้องสนับสนุนเรื่องราวระหว่างพ่อแม่และลูก ซึ่งเรื่องราวของแม่จะดำเนินต่อไปผ่านลูกสาว” เขาอธิบาย
“แม้ว่าผลงานจะเต็มไปด้วยองค์ประกอบของเกาหลีในภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ แต่เรื่องราวสากลนี้มองได้ว่าถูกสร้างขึ้นในกรอบของครอบครัว, ความสัมพันธ์และความรักใคร่ แม้จะมาจากวัฒนธรรมที่ต่างกัน แต่เชื่อมโยงหรือสร้างแรงบันดาลใจได้ ไม่เพียงแต่ในเกาหลีและภูมิภาคเอเชียใกล้เคียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศอื่น ๆ ด้วย”
นักวิจารณ์อีกคนอย่างคิมฮยอนชิกตั้งข้อสังเกตว่าจุดแข็งของซีรีส์เรื่องนี้อยู่ที่ความสมจริง
“เน้นเรื่องราวของผู้หญิง 3 ชั่วอายุคน แสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าชีวิตของผู้หญิงนั้นโหดร้ายและสิ้นหวัง แต่ยังคงไว้ซึ่งความหวัง, ความรัก และความเป็นความเท่าเทียมทางเพศของการเป็นมนุษย์” เขากล่าว
“แอซุนและกวานชิกแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าชีวิตจะพลิกผันไปแค่ไหนแต่พวกเขาก็สามารถเอาชนะมันได้ถ้ามีเพื่อนที่มั่นคงอยู่เคียงข้าง เรื่องราวเหล่านี้ทำให้ผู้ชมฝันถึงอนาคตแม้จะสิ้นหวัง, มอบพลังบวกในการดำเนินชีวิตและทิ้งความประทับใจไว้มากมาย”