โจอินซอง (Jo In Sung) เป็นนักแสดงไม่กี่คนที่อยู่ในวงการฮันรยูมานานกว่า 20 ปี หลายคนที่ดูซีรีส์เกาหลีมานานคงต้องรู้จักโจอินซองและยอมรับในความสามารถของเขา
จุดเริ่มต้นของ โจอินซอง คือการเป็นนายแบบก่อนที่ชื่อของเขาจะกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงชื่อดัง ความตรงไปตรงมา, ถ่อมตัวและใจกว้างของเขาทำให้แฟน ๆ และเพื่อนนักแสดงต่างชื่นชอบ
โจอินซองเป็นที่รู้จักในฐานะเพื่อนที่ดีและคนที่คอยให้คำปรึกษาแก่นักแสดงชื่อดังที่เป็นรุ่นน้องของเขา เช่น ซงจุงกิ (Song Joong Ki) , อีกวางซู (Lee Kwang Soo) และดีโอ (D.O.) เป็นต้น ด้วยรูปร่างและชื่อเสียงของเขาถือเป็นมาตรฐานให้กับนักแสดงรุ่นใหม่ในวงการบันเทิงเกาหลี
แต่มากกว่าหน้าตา ความสำเร็จของ โจอินซอง มาจากความสามารถในการแสดงบทบาทต่าง ๆ ที่ได้รับสร้างความประทับใจให้กับผู้ชม โจอินซองได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากในฐานะนักแสดง เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่กระตือรือร้นในการทำงานและเลือกบทที่จะรับอย่างระมัดระวัง ไม่แปลกใจที่ทุกความพยายามจากผลงานทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ของเขาจะได้รับผลตอบแทนสูงทั้งการยอมรับและรางวัล รวมทั้งการที่เขาเป็นนักแสดงเกาหลีที่มีรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 3
สมบัติแห่งชาติเกาหลี โจอินซอง (Jo In Sung)
พระเอกหนุ่มเกาหลีที่ถือเป็น 1 ใน 5 นักแสดงชายสมบัติแห่งชาติเกาหลีที่สาวๆหมายปอง เป็นแดดดี้ขวัญใจของสาวๆทั่วบ้านทั่วเมืองที่ยังคงสถานะโสด และยังคงคอนเซ็ตป์รักไม่ยุ่งมุ่งแต่งาน
ผลงานสุดปังของ โจอินซอง
นอกจากจะเป็นนักแสดงชายมาดเท่ที่หล่อ และมีเอกลักษณ์ โจอินซอง ยังเต็มไปด้วยความสามารถทางการแสดง ทำให้มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่จดจำจากแฟนๆมากมายทั้งหนัง และ ซีรี่ส์ไม่ว่าจะเป็น The Classic, frozen Flower, That Winter The Wind Blows, It’s OK That’s Love, Moving และ The King รวมถึงหนังฟอร์มเยี่ยมที่เป็นตัวแทนเกาหลีเข้าชิงออสการ์อย่าง Escape From Mogadishu
หล่อไม่หยุดพัก
ปี 2023 เขากลับมาส่งยิ้มละลายใจสาวๆ ด้วยริมฝีปากสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ ในผลงานที่หลากหลาย ทั้งงานแสดงรวมถึงงานโชว์ตัว พรีเซนเตอร์ ถ่ายแบบถ่ายแฟชั่น และอีกมากมาย ล่าสุดคือ ถ่ายแฟชันปก Vogue เกาหลีเพื่อโปรโมทผลงานใหม่ ถึงขั้นที่ว่า นักแสดงมากฝีมืออย่าง คิมฮเยซู (Under the Queen’s Umbrella, Smugglers) ยังยกให้ “ใบหน้าของโจอินซอง คือจุดที่เด่น ที่สุดของ Smugglers ฉันรู้สึกตะลึง เพราะใบหน้าก็เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงเช่นกัน
มาดูผลงานเด่นของโจอินซองกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง
1.พัคแทซู (The King)
ผู้ชายที่ทะเยอทะยานอยากหลุดพ้นความจน เขาอยากเป็นอัยการเพื่อยกระดับตนเองในสังคม สำหรับเขาแล้ว อัยการเป็นเหมือนพระเจ้าที่มีความสามารถคว้ากฎหมายไว้ในมือและเลี่ยงกฎหมายได้เมื่อจำเป็น
พัคแทซูจึงพยายามอย่างหนักที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนกฎหมายที่ Seoul National University ซึ่งมีชื่อเสียง รวมถึงตั้งใจสอบทนายให้ผ่านเพ่อทำฝันให้สำเร็จ และเพราะพัคแทซูมีความสามารรถและอุดมการณ์ใหม่ ๆ เขาจึงพร้อมที่จะยึดครองโลกที่ถูกเหล่าผู้มีอำนาจทำลายและเคยกักขังเขาไว้ในสภาพแวดล้อมแย่ ๆ
The King เป็นซีรีส์ที่เสียดสีเรื่องกฎหมายและการเมือง เปิดโปงด้านมืดของการต่อสู้กับอำนาจภายในของรัฐบาลและโลกกฎหมาย ภาพยนตร์เรื่องนี้สื่อถึงความทะเยอทะยานด้านมืดที่สามารถทำลายหลักการและความซื่อสัตย์ของคน ๆ หนึ่งได้โดยเฉพาะหากมีการเดิมพันที่สูง รวมถึงเรื่องอำนาจและเงิน
2.ฮงริม (A Frozen Flower)
ถือเป็นความกล้าอย่างยิ่งของ โจอินซอง ในการรับบทนี้เพราะถือเป็นบทที่ยั่วยวนที่สุดในชีวิตและเป็นบทบาทที่แปลกใหม่ซึ่งท้าทายต่อวัฒนธรรมเกาหลีแบบอนุรักษ์นิยม
ในภาพยนตร์ประวัติศาสตร์เรื่องนี้โจอินซองรับบทเป็นฮงริมที่ทำงานเป็นมือขวาของพระราชาจนพัฒนาความสัมพันธ์เป็นคนรัก
เพราะความรักอันลึกซึ้งที่มีต่อฮงริม พระราชาจึงไม่สามารถมีลูกกับพระราชินีได้ และเพราะไว้ใจฮงริมมากพระราชาจึงสั่งให้ฮงริมมีทายาทกับพระราชินี ด้วยความจงรักภักดีและความสำนึกในหน้าที่ ฮงริมจึงทำตามคำสั่งนั้น สุดท้ายฮงริมและพระราชินีก็ตกหลุมรักกัน ทำลายความจงรักภักดีที่มีต่อพระราชา
3.จองแจมิน (What Happened In Bali)
โจอินซอง รับบทเป็นทายาทหนุ่มของบริษัทใหญ่ที่หยิ่งและเอาแต่ใจเพราะถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เขาตกหลุมรักไกด์ตอนเที่ยวที่บาหลี เธอคืออีซูจอง (รับบทโดยฮาจีวอน) แต่แล้วก็กลายเป็นรักสามเส้าเมื่อคังอินอุก (รับบทโดยโซจีซอบ) เป็นคู่แข่งของเขา
ตัวละครนี้ค่อนข้างซับซ้อน เพราะจากเดิมที่เป็นผู้ชายที่ไม่คิดอะไร แต่เมื่อมีความรักก็กลายเป็นคนคิดมาก ก้าวข้ามเส้นแห่งความตายจากความสิ้นหวัง การแสดงนี้ทำให้ผู้ชมเดาตามไม่ได้เลย
ด้วยคาแร็คเตอร์นี้ทำให้โจอินซองได้รับรางวัลแพคซัง สาขานักแสดงชายยอดเยียมในปี 2004 ซึ่งในตอนนั้นเขาอายุเพียง 22 ปี หลังจากนั้นโจอินซองก็เริ่มเป็นนักแสดงชั้นนำที่ได้รับความนิยมมากที่สุด What Happened In Bali ออกอากาศเมื่อปี 2004 ทางช่อง SBS และทำให้โจอินซองกลายเป็นนักแสดงชื่อดัง
รวมถึงการได้ทำงานรวมกับฮาจีวอนและโซจีซอบ ซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นซีรีส์สุดคลาสสิคและเป็นบาร์ของซีรีส์แนว melodrama อันน่าเศร้า
4.โอซู (That Winter, The Wind Blows)
ซีรีส์ในปี 2013 ประกบคู่กับซงฮเยคโยด้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและโด่งดังไปทั่วโลก
โอซูเป็นนักต้มตุ๋นที่มีประสบการณ์ เป้าหมายหลักของเขาคือการหลอกโอยอง (รับบทโดยซงฮเยคโย) ที่ตาบอดเพราะอยากได้เงิน เขาแสร้งทำเป็นพี่ชายที่หายไปของเธอ ด้วยความที่หลอกคนมาบ่อยโอซูจึงคิดว่างานนี้เป็นเรื่องง่าย ๆ แต่เขากลับตกหลุมรักโอยองอย่างไม่คาดคิด
การแสดงในเรื่องนี้น่าประทับใจมากและทำให้โจอินซองได้รางวัลจากหลายเวที
5.จางแจยอล (It’s Okay, That’s Love)
เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของโจอินซองจนทำให้เขาได้รับรางวัลแดซัง รับบทเป็นผู้ชายที่ป่วยเป็นโรคทางจิตเภทที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย
โจอินซอง รับบทเป็นนักเขียนหนังสือนิยายลึกลับที่ขายดีและดีเจที่ได้รับความรักมากมาย แต่เขามีความเจ็บปวดจากประสบการณ์ในวัยเด็ก เขาคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้ปลดปล่อยตัวเองจากความเจ็บปวดในอดีตอันมืดมนแล้ว แต่บาดแผลเหล่านั้นยังไม่จางไป
โจอินซอง สร้างความเซอร์ไพรส์ให้ผู้ชมเหมือนกับการแสดงเรื่อง A Frozen Flower เพราะเรื่องนี้เขาทำให้ผู้ชมเห็นถึงคนที่ทุกข์ทรมานจากการเป็นโรคจิตเภท ทำให้ผู้ชมเข้าใจผู้ป่วยจริง ๆ ทั้งวิธีการที่ผู้ป่วยมองโลกและแสดงออกมา
และการแสดงของโจอินซองที่ทำให้ผู้ชมได้เข้าใจผู้ป่วยมากขึ้นก็ลดความอคติที่เคยมีต่อผู้ป่วยจิตเภทลงไป
ด้วยผลงานการแสดงที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและความลึกซึ้ง โจอินซองได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าคุณภาพและเนื้อหาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานฐานะนักแสดง
6. Moving ซีรีส์ทุนสร้างฟอร์มยักษ์แห่งปี 2023
Moving ซีรีส์ความยาว 20 ตอนที่ใช้ทุนสร้างสูงถึง 5 พันล้านวอน (ประมาณ 132 ล้านบาท) พร้อมด้วยโปรดักชั่นอลังการ ได้รับการคาดหมายว่าจะเป็นซีรีส์ที่น่าจดจำประจำปี 2023 กับดาราดังเบอร์ต้นๆของวงการที่มาร่วมงานมากมาย
ได้นักแสดงรุ่นพี่ที่แฟน ๆ ชาวไทยหลายคนคุ้นเคยอย่างรยูซึงรยง (Extreme Job, The Admiral: Roaring Currents), ฮันฮโยจู (The Beauty Inside, W , Happiness), คิมซองกยุน, คิมฮีวอน และชาแทฮยอน (Cha Tae Hyun) พร้อมชมความสามารถของบรรดานักแสดงรุ่นน้องที่นำแสดงโดย อีจองฮา (Run On, Nevertheless), โกยุนจอง (Alchemy of Souls, Sweet Home) และคิมโดฮุน (The Faceless Boss, The Law Café)
